“พาณิชย์” แนะผู้ผลิต ผู้ส่งออกวางแผนขยายตลาดของเล่น-อุปกรณ์กีฬาในสหรัฐฯ

เผยแพร่:
  ปรับปรุง:
  



กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) แนะผู้ผลิต ผู้ส่งออกของเล่นและอุปกรณ์กีฬาของไทยวางแผนขยายตลาดส่งออกสหรัฐฯ หวังพบความต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19 เผยสินค้าไทยมีความได้เปรียบหลายรายการ เหตุไม่เสียภาษีนำเข้า แต่คู่แข่งยังต้องเสีย แนะพัฒนาคุณภาพ มาตรฐาน และประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทำการสำรวจโอกาสในการขยายตลาดส่งออกให้กับสินค้าไทย ตามนโยบายที่ได้รับจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยล่าสุดได้รับรายงานจาก สคต.นิวยอร์ก ถึงโอกาสในการขยายตลาดสินค้าของเล่นและอุปกรณ์กีฬาในตลาดสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การดำเนินชีวิตถูกปิดกั้นและถูกจำกัด จึงเกิดความต้องการในการสร้างความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้น ทั้งการเล่นของเล่น และการเล่นกีฬา จึงส่งผลให้มีความต้องการสินค้าในกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ ในปี 2563 ยอดจำหน่ายของเล่นในสหรัฐฯ มีมูลค่าถึง 25,100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16% โดยสินค้าที่มีการจำหน่ายเพิ่มขึ้น เช่น รองเท้าสเกต สเกตบอร์ด และสกูตเตอร์ มีการเพิ่มขึ้นมากที่สุด รองลงมาคือ ตุ๊กตาแฟชั่นและอุปกรณ์ตกแต่ง และของเล่นชุดสำหรับก่อสร้างและเสริมจินตนาการ เช่น เลโก้ เป็นต้น

“ในช่วง 11 เดือนของปี 2563 สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าของเล่นกลุ่มสันทนาการกลางแจ้งจากไทยเป็นลำดับที่ 6 มูลค่า 98 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,940 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.99% โดยคู่แข่งที่สำคัญของไทย คือ จีน เวียดนาม และไต้หวัน และพบว่าสินค้าไทยมีโอกาสขยายตัวได้ต่อเนื่อง เพราะสินค้าหลายรายการไทยไม่ถูกเก็บภาษี แต่คู่แข่งถูกเก็บ ทำให้สินค้าไทยแข่งขันได้ดีกว่า ซึ่งผู้ผลิตและผู้ส่งออกจะต้องใช้เป็นข้อได้เปรียบและวางแผนในการส่งออกต่อไป” นายสมเด็จกล่าว

สำหรับตัวอย่างสินค้าที่ไทยมีโอกาส เช่น อุปกรณ์กอล์ฟ ไม้กอล์ฟ ลูกกอล์ฟ อุปกรณ์สำหรับออกกำลังกาย ลูกบอลอื่นๆ อุปกรณ์ทางน้ำ ลูกเทนนิส ลูกบอลเป่าลม อุปกรณ์สันทนาการกลางแจ้งและเกม อุปกรณ์สเกตน้ำแข็งและโรลเลอร์สเกตต่างๆ เรือใบและอุปกรณ์ ซึ่งสินค้าไทยไม่เสียภาษีนำเข้า แต่สินค้าจากคู่แข่งต้องเสียภาษีนำเข้าตั้งแต่ 4.4-15% รวมถึงปิงปองและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง สกีและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ไทยไม่เสียภาษีแต่คู่แข่งยังเสีย และสินค้ากลุ่มข้างเคียง เช่น เสื้อผ้า รองเท้า อุปกรณ์ต่างๆ อาหารสุขภาพ ที่มีโอกาสเติบโตด้วย

นายนพดล ทองมี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ กล่าวว่า ตลาดสินค้าดังกล่าวเป็นตลาดที่น่าสนใจ ซึ่งผู้บริโภคมีกำลังและมีความพึงพอใจในการซื้อค่อนข้างสูง จึงทำให้ตลาดมีการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งไทยเป็นผู้ผลิต OEM ให้แก่แบรนด์ดังหลายรายในสหรัฐฯ และค่อนข้างได้เปรียบในเรื่องการเป็นแหล่งผลิตที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ และอานิสงส์จากการไม่เสียภาษีนำเข้า จึงทำให้ผู้นำเข้ามีความสนใจในสินค้าไทย แต่ข้อจำกัดของไทยบางประการที่อาจจะลดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ คือ การพัฒนาสินค้าและต้นทุนแรงงานสูง

อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้นำเข้าได้เปิดโอกาสทดลองนำเข้าสินค้าในกลุ่มใหม่จากไทยทั้งที่ไม่เคยนำเข้ามาก่อน เนื่องจากเกิดอุปทานจากตลาด ส่งผลให้ผู้นำเข้ามองหาแหล่งผลิตและสินค้าแปลกใหม่มาตอบสนองความต้องการของตลาด จึงเป็นโอกาอันดีที่ไทยได้เริ่มเข้ามาส่งออกสินค้าในกลุ่มใหม่ๆ โดยไทยควรประชาสัมพันธ์และให้ความรู้ผู้นำเข้าเกี่ยวกับทักษะและความหลากหลายในการผลิตของไทย เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจของผู้นำเข้าต่อไป