หุ้นกู้ออกใหม่ เดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีชุดไหนบ้างที่ประชาชนทั่วไปสามารถซื้อได้ พร้อมเช็กอัตราดอกเบี้ยของแต่ละรุ่น
หุ้นกู้ หรือ ตราสารหนี้เอกชน ส่วนใหญ่จะเสนอขายให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ แต่ก็มีหลายบริษัทที่ออกหุ้นกู้เพื่อจำหน่ายให้ประชาชนทั่วไป และมักจะเต็มภายในเวลารวดเร็ว เพราะให้ดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากทั่วไป ดังนั้น ถ้าใครสนใจลงทุน ประเภทนี้ควรศึกษาข้อมูลเอาไว้ก่อน พร้อมเช็กหน่อยว่า หุ้นกู้ออกใหม่ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ให้คนทั่วไปจองซื้อได้มีรุ่นไหนบ้าง
หุ้นกู้คืออะไร ซื้อยังไง ?
หุ้นกู้ คือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทภาคเอกชน ภาษาอังกฤษเรียกว่า Corporate Bond หรือ Debenture มีจุดประสงค์เพื่อระดมทุนสำหรับใช้ในกิจการต่าง ๆ ของบริษัท เช่น การลงทุนขยายกิจการ หรือซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ เมื่อซื้อหุ้นกู้แล้วผู้ซื้อก็จะมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ ส่วนบริษัทที่ออกหุ้นกู้จะมีฐานะเป็นลูกหนี้ โดยที่บริษัทผู้ออกหุ้นกู้จะต้องชำระดอกเบี้ยตามที่ตกลงไว้ตลอดช่วงอายุของหุ้นกู้ และชำระเงินต้นคืนในวันที่ครบกำหนดอายุของหุ้นกู้
ในประเทศไทยนั้น หุ้นกู้จะมีมูลค่าหน่วยละ 1,000 บาท และส่วนใหญ่จะกำหนดให้ลงทุนขั้นต่ำ 100 หน่วย หรือ 100,000 บาท โดยติดต่อซื้อได้ที่ธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายตามประกาศของหุ้นกู้แต่ละบริษัท
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังมีการเปิดจำหน่ายหุ้นกู้ดิจิทัลที่สามารถซื้อได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งหุ้นกู้บางรุ่นให้เริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000-5,000 บาท
หุ้นกู้จะมีอยู่หลายลักษณะ ได้แก่
- หุ้นกู้ชนิดมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หมายถึง หุ้นกู้นี้มีสินทรัพย์ต่าง ๆ ค้ำประกันอยู่ ถ้าเกิดปัญหาที่บริษัทไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยหรือเงินต้นให้เราได้ เราจะมีสิทธิ์ในหลักประกันนั้น
- หุ้นกู้ชนิดที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน คือ หุ้นกู้ที่ไม่มีสินทรัพย์ใด ๆ วางไว้ กรณีบริษัทที่ออกหุ้นกู้ประสบปัญหาทางการเงินจะต้องแบ่งสินทรัพย์กับเจ้าหนี้รายอื่นตามสิทธิ์และสัดส่วนที่ถือ
- หุ้นกู้ด้อยสิทธิ คือ ในกรณีที่ผู้ออกตราสารหนี้ล้มละลายหรือเลิกกิจการ ผู้ที่ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิจะมีสิทธิ์ได้รับคืนเงินต้นหลังจากผู้ถือหุ้นที่มีประกัน กล่าวว่าอยู่ในอันดับที่ด้อยกว่าเจ้าหนี้สามัญรายอื่น ๆ
- หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ คือ ในกรณีที่ผู้ออกตราสารหนี้ล้มละลายหรือเลิกกิจการ ผู้ที่ถือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิจะมีสิทธิ์ได้รับคืนเงินต้นในอันดับที่ทัดเทียมกับเจ้าหนี้สามัญรายอื่น ๆ และสูงกว่าผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิ
โดยหากจัดอันดับสิทธิ์ในการเรียกร้องสินทรัพย์ หรือการได้รับคืนเงินต้นจากผู้ออกตราสารเมื่อกิจการล้มละลาย จะเป็นดังนี้
– ลำดับที่ 1 หุ้นกู้มีประกัน
– ลำดับที่ 2 หุ้นกู้ไม่มีประกัน
– ลำดับที่ 3 หุ้นกู้ด้อยสิทธิ
– ลำดับที่ 4 หุ้นบุริมสิทธิ
– ลำดับที่ 5 หุ้นสามัญ
ต้องพิจารณาอะไรบ้างเมื่อจะลงทุนหุ้นกู้
บริษัทน่าเชื่อถือหรือไม่
การซื้อหุ้นกู้คือการให้บริษัทกู้ยืมเงิน ดังนั้นจึงควรดูให้แน่ใจก่อนว่าบริษัทมีความมั่นคงมากน้อยแค่ไหน ฐานะการเงินเป็นอย่างไร จะมีเงินจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นคืนให้เราได้หรือไม่ โดยสามารถพิจารณาได้จากอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ที่จัดทำโดยบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating Agency) ซึ่งอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB- ขึ้นไปจนถึง AAA จัดเป็นหุ้นกู้ที่อยู่ในระดับน่าลงทุน (Investment Grade) เพราะออกโดยบริษัทที่มั่นคง ผลประกอบการดี มีโอกาสที่จะไม่ได้รับเงินต้นคืนค่อนข้างต่ำ
แต่หากเป็นหุ้นกู้ที่มีเรตติ้งตั้งแต่ BB+ ลงมา จนถึง D จะเป็นหุ้นกู้ในกลุ่มต่ำกว่าระดับลงทุน (Non-Investment Grade) นอกจากนี้ที่ต้องระวังในการลงทุนคือ หุ้นกู้ในกลุ่มไม่มีเรตติ้ง (Unrated) ที่แม้จะให้ดอกเบี้ยสูงกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะไม่ได้เงินลงทุนคืนกลับมาสูงตามไปด้วย
อายุของหุ้นกู้นานแค่ไหน
หุ้นกู้จะกำหนดอายุเอาไว้ เช่น 1 ปี 6 เดือน , 4 ปี, 10 ปี เป็นต้น เมื่อครบกำหนดบริษัทจะคืนเงินต้นให้กับผู้ลงทุน ซึ่งควรเลือกลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอายุสอดคล้องกับระยะเวลาที่ต้องการลงทุน แต่ก็มีหุ้นกู้ประเภทที่มีเงื่อนไขสามารถไถ่ถอนก่อนกำหนดได้อยู่ 2 กรณี คือ บริษัทสามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด หรือการที่ผู้กู้ขอคืนเงินกู้ก่อนครบกำหนด และอีกกรณีคือ ผู้ถือหุ้นกู้สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด หรือการที่ผู้ให้กู้ขอเงินกู้คืนก่อนครบกำหนด
ผลตอบแทน/ดอกเบี้ยเป็นเท่าไร
โดยทั่วไปแล้วหุ้นกู้จะมีรูปแบบการจ่ายดอกเบี้ย 2 รูปแบบหลัก ๆ คือ แบบกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ตายตัวตลอดระยะเวลาของหุ้นกู้ เช่น หุ้นกู้อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.50% ต่อปี กับแบบกำหนดเป็นขั้นบันได ซึ่งปกติจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นตามระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น เช่น หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 เท่ากับ 2% ต่อปี ปีที่ 2 เท่ากับ 3% ต่อปี และปีที่ 3 เท่ากับ 4% ต่อปี ทั้งนี้ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นประเภทของหุ้นกู้ หรืออายุของหุ้นกู้ นอกจากนี้ดอกเบี้ยที่ได้รับจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ด้วย
ใครมีสิทธิ์จองซื้อ
บริษัทผู้ออกหุ้นกู้จะเสนอขายหุ้นกู้ตามกลุ่มนักลงทุน ดังนั้นก่อนซื้อต้องศึกษาให้ดีว่าเรามีสิทธิ์ซื้อหรือไม่ โดยแบ่งกลุ่มผู้ลงทุนออกเป็น 4 ประเภท คือ
- ผู้ลงทุนเฉพาะเจาะจง (Private Placement : PP10) คือ การขายตราสารหนี้ให้กับผู้ลงทุนไม่เกิน 10 ฉบับ หรือ 10 ราย ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องเป็นผู้ลงทุนสถาบัน กรรมการ ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ถือหุ้นเกิน 10% และบริษัทในเครือเท่านั้น
- ผู้ลงทุนสถาบัน (Institutional Investor : II) เช่น ธนาคาร บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ กองทุน บริษัทประกัน
- ผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth : HNW) คือ บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลที่มีสินทรัพย์ รายได้ต่อปี หรือลงทุนในหลักทรัพย์ตามที่กำหนด โดยกรณีเป็นบุคคลธรรมดา (รวมคู่สมรสตามกฎหมาย) จะใช้เกณฑ์ดังนี้ (เข้าเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง)
- มีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป หรือ
- มีเงินลงทุนในหลักทรัพย์ตั้งแต่ 8 ล้านบาทขึ้นไป ถ้ารวมเงินฝากจะเป็น 15 ล้านบาทขึ้นไป หรือ
- มีสินทรัพย์สุทธิตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป ไม่รวมที่อยู่พักอาศัยประจำ
แต่ในกรณีที่มีฐานะทางการเงินไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด จะพิจารณาคุณสมบัติด้านความรู้และประสบการณ์ในการลงทุนเพิ่มเติม โดยหากเข้าเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ ก็สามารถเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ได้
- มีประสบการณ์การลงทุนย้อนหลังในสินทรัพย์เสี่ยงที่ต้องมีการลงทุนเป็นประจำและต่อเนื่อง หรือ
- มีประสบการณ์การทำงานด้านการบริหารการเงินและการลงทุน หรือ
- เป็นผู้แนะนำการลงทุนหรือผู้วางแผนการลงทุนที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. หรือ
- ได้รับวุฒิบัตรที่เกี่ยวกับการลงทุน
4. ผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering : PO) คือ ประชาชนทั่วไปสามารถซื้อหุ้นกู้ได้
หุ้นกู้ มีความเสี่ยงอะไรบ้าง
ความเสี่ยงของหุ้นกู้หลัก ๆ นั้นจะมีอยู่ 3 ด้าน คือ
- ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย : ในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยทั่วไปลดลง หุ้นกู้จะมีมูลค่าสูงขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม หุ้นกู้ก็จะมีมูลค่าลดลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดสูงขึ้น ทำให้ราคาที่ขายได้อาจมากหรือน้อยกว่าราคาที่ซื้อมา ขึ้นอยู่กับระดับและทิศทางการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ตรงนี้อาจมีค่าเสียโอกาสที่จะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น
- ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง : หากลงทุนในระยะยาวมาก ๆ แล้วประสบปัญหาจำเป็นต้องใช้เงินก้อนก่อนหุ้นกู้ครบอายุ ทำให้ต้องนำไปขายที่ตลาดรอง ซึ่งมีราคาลดลงหรืออาจขาดทุนได้
- ความเสี่ยงด้านเครดิต : การลงทุนหุ้นกู้กับบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำจะมีความเสี่ยงสูง เช่น บริษัทเลิกกิจการหรือล้มละลาย จนไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ตามที่สัญญา แต่ก็จะมีอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าหุ้นกู้ของบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่า
นอกจากนี้ หากผู้ออกหุ้นกู้ประสบปัญหาทางการเงิน อาจจะไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยหรือคืนเงินต้นให้เราได้ เท่ากับผิดนัดชำระหนี้ (Default) ซึ่งต้องเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องต่อไป
หุ้นกู้ออกใหม่ เดือนกุมภาพันธ์ 2566
หุ้นกู้ทุกประเภทจะกำหนดกลุ่มผู้ซื้อไว้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเปิดให้ผู้ลงทุนรายใหญ่หรือผู้ลงทุนสถาบันจองซื้อ แต่ก็ยังมีหุ้นกู้บางตัวที่เปิดให้นักลงทุนทั่วไป (PO) สามารถซื้อได้ อย่างที่เรารวบรวมข้อมูลมาบอกกัน
1. บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA)
ภาพจาก : Thaibma : สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย
บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้แบรนด์เสนา, นิช โมโน, เฟล็กซี่ และยังมีธุรกิจในเครืออีกมากมาย ทั้งเสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่, เสนาเฟสท์, สนามกอล์ฟพัทยา คันทรี คลับ ฯลฯ เปิดให้จองหุ้นกู้ในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2566 จำนวน 1 ชุด
- ประเภทหุ้นกู้ : หุ้นกู้ระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้
-
อายุและอัตราดอกเบี้ย : อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.70% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2569
-
จ่ายดอกเบี้ย : ทุก 3 เดือน
-
อันดับความน่าเชื่อถือ : BBB แนวโน้มลบ
-
ระดับความเสี่ยง : 5 (จากทั้งหมด 8 ระดับ)
-
การไถ่ถอนก่อนกำหนด : ไม่มี
-
ผู้มีสิทธิ์จองซื้อ : ประชาชนทั่วไป และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน
-
ยอดขั้นต่ำในการจองซื้อ : 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
-
วันที่เปิดจอง : 31 มกราคม และ 1-2 กุมภาพันธ์ 2566
-
ช่องทางการขาย : ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกสิกรไทย รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง, บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร รวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร, บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส
- ข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
2. บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT)
ภาพจาก : Thaibma : สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย
บริษัทที่ดำเนินธุรกิจหลายด้าน ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจโรงแรม โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ให้เช่าศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งธุรกิจบันเทิง และธุรกิจจัดจำหน่าย เปิดให้จองหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน หรือหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ (Perpetual Bond) จำนวน 1 ชุด ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566
-
ประเภทหุ้นกู้ : หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน ชำระคืนเงินต้นเพียงครั้งเดียวเมื่อเลิกบริษัท หรือเมื่อผู้ออกหุ้นกู้ใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ โดยผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิเลื่อนการชำระดอกเบี้ยพร้อมกับสะสมดอกเบี้ยจ่ายไปชำระในวันใด ๆ ได้ โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ
-
อัตราดอกเบี้ย :
-
ปีที่ 1-5 : อัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.10% ต่อปี
-
ปีที่ 6-25 : อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี + Intial Credit Spread 4.20% ต่อปี + 0.25% ต่อปี
-
ปีที่ 26-50 : อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี + Intial Credit Spread 4.20% ต่อปี + 1.00% ต่อปี
-
ปีที่ 51 เป็นต้นไป : อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี + Intial Credit Spread 4.20% ต่อปี + 2.00% ต่อปี
-
-
จ่ายดอกเบี้ย : ทุก 6 เดือน
-
อันดับความน่าเชื่อถือ : BBB+ แนวโน้มคงที่
-
ระดับความเสี่ยง : 7 (จากทั้งหมด 8 ระดับ)
-
การไถ่ถอนก่อนกำหนด : บริษัทมีสิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนด
-
ผู้มีสิทธิ์จองซื้อ : ประชาชนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน
-
ยอดขั้นต่ำในการจองซื้อ : 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
-
วันที่เปิดจอง : 7-9 กุมภาพันธ์ 2566
-
ช่องทางการขาย : ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร, บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์, บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส, บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต, บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า
- ข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
3. บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC)
ภาพจาก : Thaibma : สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย
ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้แบรนด์ ทรูมูฟ เอช เสนอขายหุ้นกู้ 4 ชุด ดังนี้
- ประเภทหุ้นกู้ : หุ้นกู้ระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้
-
อายุและอัตราดอกเบี้ย :
-
อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.50% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2568
-
อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.10% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2569
-
อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.90% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2571
-
อายุ 5 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5.05% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2571
-
-
จ่ายดอกเบี้ย : ทุก 3 เดือน
-
อันดับความน่าเชื่อถือ : BBB+ แนวโน้มบวก
-
ระดับความเสี่ยง : 5 (จากทั้งหมด 8 ระดับ)
-
การไถ่ถอนก่อนกำหนด :
-
ชุดที่ 1-2 ไม่มี
-
ชุดที่ 3-4 ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนด
-
-
ผู้มีสิทธิ์จองซื้อ : ประชาชนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน
-
ยอดขั้นต่ำในการจองซื้อ : 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
-
วันที่เปิดจอง : 13-15 กุมภาพันธ์ 2566
-
ช่องทางการขาย : ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร และธนาคารทหารไทยธนชาต (สำหรับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่เท่านั้น)
-
ข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
4. บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC)
บริษัทที่ให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถ สินเชื่อโฉนดที่ดินและสินเชื่อส่วนบุคคลแก่ลูกค้ารายย่อย ออกหุ้นกู้จำนวน 5 ชุด ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ดังนี้
- ประเภทหุ้นกู้ : หุ้นกู้ระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้
-
อายุและอัตราดอกเบี้ย :
-
อายุ 1 ปี 6 เดือน 6 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.30% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2567
-
อายุ 2 ปี 24 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.80% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2568
-
อายุ 3 ปี 23 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.10% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2569
-
อายุ 4 ปี 22 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.30% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2570
-
อายุ 5 ปี 21 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.50% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2571
-
-
จ่ายดอกเบี้ย : ทุก 3 เดือน
-
อันดับความน่าเชื่อถือ : BBB+ แนวโน้มคงที่
-
ระดับความเสี่ยง : 5 (จากทั้งหมด 8 ระดับ)
-
ผู้มีสิทธิ์จองซื้อ : ประชาชนทั่วไป ผู้ลงทุนสถาบัน (เฉพาะบุคคลธรรมดา) และผู้ลงทุนรายใหญ่
-
ยอดขั้นต่ำในการจองซื้อ : 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
-
วันที่เปิดจอง : 16-17 และ 20 กุมภาพันธ์ 2566
-
ช่องทางการขาย : ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส, บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า
- ข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
5. บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL)
ภาพจาก : Thaibma : สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย
ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านสะดวกซื้อ ภายใต้แบรนด์ 7-Eleven ในประเทศ เสนอขายหุ้นกู้ 3 ชุด ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566
- ประเภทหุ้นกู้ : หุ้นกู้ระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้
- อายุและอัตราดอกเบี้ย :
-
อายุ 4 ปี รอประกาศอัตราดอกเบี้ย (คาดว่า 2.95-3.10% ต่อปี) ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2570
-
อายุ 7 ปี รอประกาศอัตราดอกเบี้ย (คาดว่า 3.55-3.75% ต่อปี) ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2573
-
อายุ 12 ปี รอประกาศอัตราดอกเบี้ย (คาดว่า 4.20-4.35% ต่อปี) ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2578
-
- จ่ายดอกเบี้ย : ทุก 6 เดือน
-
อันดับความน่าเชื่อถือ : A+แนวโน้มคงที่
-
ระดับความเสี่ยง : 3 (จากทั้งหมด 8 ระดับ)
-
การไถ่ถอนก่อนกำหนด : ไม่มี
-
ผู้มีสิทธิ์จองซื้อ : ประชาชนทั่วไป ทั้งผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน
-
ยอดขั้นต่ำในการจองซื้อ : 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
-
วันที่เปิดจอง : คาดว่า 20-22 กุมภาพันธ์ 2566
-
ช่องทางการขาย : ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร
- ข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
6. บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) (SGP)
ภาพจาก : Thaibma : สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย
บริษัทประกอบธุรกิจพลังงาน ทั้งธุรกิจค้าและขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว แอมโมเยีน และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีอื่น ๆ รวมทั้งผลิตและจำหน่ายถังก๊าซปิโตรเลียมเหลว ผลิตและจำหน่ายเอทานอล ธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวในต่างประเทศ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า และธุรกิจให้บริการเช่าคลังเก็บสินค้าเหลวและท่าเทียบเรือน้ำลึก เสนอขายหุ้นกู้ 1 ชุด ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566
- ประเภทหุ้นกู้ : หุ้นกู้ระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้
- อายุหุ้นกู้ : 4 ปี ไถ่ถอนปี 2570
- อัตราดอกเบี้ย : รอประกาศอัตราดอกเบี้ย
- จ่ายดอกเบี้ย : ทุก 3 เดือน
- อันดับความน่าเชื่อถือ : BBB+ แนวโน้มคงที่
- ระดับความเสี่ยง : 5 (จากทั้งหมด 8 ระดับ)
- การไถ่ถอนก่อนกำหนด : ไม่มี
- ผู้มีสิทธิ์จองซื้อ : ประชาชนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน
- ยอดขั้นต่ำในการจองซื้อ : 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
- วันที่เปิดจอง : คาดว่า 21-23 กุมภาพันธ์ 2566
- ช่องทางการขาย : ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส และธนาคารทหารไทยธนชาต (เฉพาะผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่)
- ข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
สำหรับใครที่ต้องการทราบรายละเอียดของข้อมูลหุ้นกู้ทั้งหมดที่เสนอขายในเดือนนี้ ก็สามารถเข้าไปดูรายชื่อได้ที่ เว็บไซต์ ก.ล.ต. หรือ เฟซบุ๊ก ThaiBMA อย่างไรก็ตาม ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้องกับหุ้นกู้
ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก Thaibma : สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (1), (2), (3), (4), (5)
ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (1), (2), (3), (4), (5), (6), Youtube ThaiBMAChannel