นายกฯ พร้อมเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวกักตัว ภูเก็ต-กระบี่-เชียงใหม่ ฟื้นเศรษฐกิจ

นายกฯ จ้อผ่านพอดแคสต์ ดีเดย์ไตรมาสสอง พร้อมเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวกักตัว ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ภูเก็ต-กระบี่-เชียงใหม่ ฟื้นเศรษฐกิจ

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด

เมื่อเวลา 16.10 น. วันที่ 26 มี.ค. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวกับประชาชนในรายการ “นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง” ทางพอดแคสต์ (PODCAST) ผ่านเพจไทยคู่ฟ้า โดยกล่าวตอนหนึ่งถึงแผนการเปิดประเทศควบคู่การกระจายวัคซีนว่า แผนการเปิดประเทศต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามสัดส่วนของการกระจายวัคซีนในไทยและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565

“ซึ่งหัวใจสำคัญคือความร่วมมือของทุกคนในประเทศอย่างที่เคยเป็นมาเสมอ ทุกคนสามารถช่วยฟื้นฟูประเทศได้ด้วยการจับจ่ายใช้สอย ท่องเที่ยวในประเทศของผู้ที่มีศักยภาพ ทั้งนี้ เพื่อให้กิจการทางเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นห่วงโซ่ ตั้งแต่ระดับฐานรากจนถึงภาคท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งในระดับผู้บริโภครัฐบาลอัดฉีดมาตรการลดค่าครองชีพต่างๆ อย่างต่อเนื่อง”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการประกอบการรัฐบาลมีแผนที่จะเปิดประเทศสู่อุตสาหกรรมใหม่พร้อมส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและพลังงานสะอาด หากภาครัฐและเอกชนร่วมมือเร่งรัดการลงทุน ปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนจะทำให้ไทยไม่ตกขบวนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการรักษาโรคโควิด-19 ด้วยวัคซีนที่เริ่มเห็นผลในหลายประเทศ

“รัฐบาลตระหนักดีว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแต่ละภาคเศรษฐกิจและสังคมอาจไม่เท่ากัน จึงมีการวางรากฐานการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการขยายโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงสวัสดิการพื้นฐานอย่างเท่าเทียม ส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำของไทยน้อยลงกว่าหลายประเทศในภูมิภาค รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนผ่านมาตรการช่วยเหลือทางการเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง”

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ทิศทางนโยบายวัคซีนของประเทศไทย และแนวทางการเปิดประเทศแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทั่วโลกและไทยจะยังไม่สงบดี แต่ต้องขอชื่นชมทีมบุคลากรทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และคนไทยทุกคน และอสม. ที่ร่วมมือกันเป็นอย่างดีทำให้ตัวเลขการติดเชื้อและผู้เสียชีวิตของประเทศไทยอยู่ในอันดับท้ายๆ หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่น

ทั้งนี้ เรามีความจำเป็นต้องกระจายการฉีดวัคซีนทั่วประเทศให้รวดเร็วยิ่งขึ้น รัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายการฉีดวัคซีนมากเท่ากับนโยบายด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากวัคซีนสามารถปกป้องสุขภาพของคนไทยและเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำแผนการฉีดวัคซีนสำหรับคนไทยเพียงพอจำนวนประมาณ 65 ล้านโดส และคาดว่าจะสามารถฉีดให้กับประชากรประมาณร้อยละ 50 ภายในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลที่ใช้กันอยู่โดยเรียงลำดับจากความเสี่ยง

โดยตั้งเป้าว่าจะฉีดให้กับคนไทยและคนต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชนในการที่จะเข้ามาลงทุน รวมทั้งกระตุ้นประชาชนให้ออกมาท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอย ในช่วงเวลารอยต่อก่อนที่จะเปิดประเทศ ประเทศไทยเริ่มฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา รัฐบาลตระหนักดีว่าทุกคนมีความสำคัญกับครอบครัว และมีเป้าหมาย ให้คนไทยเข้าถึงวัคซีนที่มีคุณภาพปลอดภัยและสามารถป้องกัน โควิด-19 ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังเดินหน้ากระจายวัคซีนให้ทั่วถึงและเร็วที่สุด

“จากการรายงานขององค์การอนามัยโลก และองค์กรต่างๆ ยืนยันว่าวัคซีนของแอสตราเซเนกา มีความปลอดภัยไม่เกี่ยวข้องกับการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ สามารถฉีดได้และสร้างความมั่นใจให้กับคนไทยซึ่งจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจซึ่งผมเองก็ฉีดไปแล้ว ยืนยันว่ารัฐบาลเลือกวัคซีนที่เหมาะสมเพื่อนำมาฉีดให้กับคนไทย รวมทั้งมีส่วนร่วมในการวิจัยและพัฒนาส่งผลความ เชื่อมั่นธุรกิจเอกชนในการค้าการลงทุนระยะยาว”

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการการเปิดประเทศนั้น รัฐบาลมีการปรับนโยบายการกักตัวเพื่อเร่งการฟื้นตัว การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยตั้งแต่ต้นปี ศบค. ประกาศโครงการให้นักท่องเที่ยวที่ผ่านมาตรฐานการตรวจคัดกรอง สามารถใช้เวลากักตัวได้ที่สนามกอล์ฟ เรือยอร์ช หรือเรือสำราญต่างๆ ได้ ระยะต่อไปจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถกักตัวได้ในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม อาทิ ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ โดยจะเริ่มได้ในไตรมาสสองของปีนี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเทศกาลสงกรานต์ในเดือน เม.ย. รัฐบาลจำเป็นต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ความร่วมมือของประชาชนผู้ประกอบการ โดยรัฐบาลมีแนวโน้มที่จะเปิดประเทศเต็มรูปแบบ กลับประเทศที่ปฏิบัติตามกฎกติกาขององค์การอนามัยโลก รวมทั้งระบบขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศซึ่งอยู่ระหว่างการประเมินการกระจายวัคซีนเพื่อกำหนดแนวทางการเปิดประเทศและอุตสาหกรรมการบิน

ทั้งนี้ เมื่อวัคซีนมีมากพอการท่องเที่ยวของไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติก็จะกลับมาดีขึ้นในปี 2565 รัฐบาลจะติดตามสถานการณ์ ทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้น คู่ขนานไปกับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น เพื่อออกมาตรการการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่องรัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะ ฉีดวัคซีนให้กับคนไทยฟรี ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการ

“สิ่งที่รัฐบาลพยายามขับเคลื่อนในปี 2564 ทางด้านเศรษฐกิจและสังคมรวมทั้งแผนการฉีดวัคซีนที่มีความชัดเจนเชื่อมั่นว่าจะเป็นแรงส่งสำคัญ ให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมายตามที่รัฐบาลตั้งไว้คือร้อยละ 4 ถือว่าเป็นการตั้งเป้าหมายที่ท้าทายดังนั้นทุกคนต้องช่วยกันเดินหน้าฟันฝ่าและร่วมมือ เพื่อเอาชนะกว่าท้าทายให้ได้และกลับมาสู่สถานการณ์เหมือนช่วงก่อน โควิด-19 แพร่ระบาดได้ ในปี 2565 ในเร็ววัน” นายกรัฐมนตรี ระบุ