เปิดประเทศรับต่างชาติ เม.ย.นี้ “พิพัฒน์” นำร่องเข้าพักใน 5 จังหวัดท่องเที่ยว

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมทางไกล (video conference) ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว 216 ราย เพื่อเตรียมความพร้อมช่วงเวลาการเปิดประเทศไทยในรูปแบบต่างๆ หลังไทยเริ่มมีการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.เป็นต้นมา จึงได้เตรียมพร้อมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่เดือน เม.ย.-พ.ค.นี้เป็นต้นไป ในจังหวัดนำร่อง 5 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ ชลบุรีในพื้นที่พัทยา และสุราษฎร์ธานีใน 3 เกาะ คือเกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพะงัน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศนิยมเข้ามาท่องเที่ยวและพักอาศัย ตั้งแต่ 1-3 เดือน อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ปิดกั้นจังหวัดอื่นๆที่จะเสนอตัวเข้ามาร่วมโครงการ

สำหรับการเปิดประเทศที่จะเริ่มดังกล่าวจะให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพักในประเทศไทยช่วง 14 วันแรก ในรูปแบบที่เรียกว่าแอเรีย โฮเทล ควอรันทีน (Area Hotel Quarantine) โดยจะให้นักท่องเที่ยวกักตัวในโรงแรม 3 วันแรก ในวันแรกก่อนกักตัวในวันที่ 3 จะมีการสวอปเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ถ้าไม่มีการติดเชื้อให้ออกมาพักผ่อนในบริเวณโรงแรมได้ จากนั้นในวันที่ 9 และวันที่ 13 จะมีการสวอปหาเชื้อเป็นช่วงๆไปและหลังจากสวอปในวันที่ 15 และผลออกมาไม่มีการติดเชื้อโควิด-19 ก็สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวจังหวัดต่างๆ ได้ทั่วประเทศ

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมดูเรื่องของสลอตตารางการบิน การเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างประเทศกระทรวงสาธารณสุขต้องดูแลความปลอดภัย และการกระจายวัคซีนในทั่วถึง ส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประสาน 29 สำนักงาน ททท.ในต่างประเทศและบริษัททัวร์ในการนำนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเข้ามาประเทศไทย และต้องขอบคุณกระทรวงสาธารณสุข ที่เปิดให้มีการทำกอล์ฟ ควอรันทีน ที่สนามกอล์ฟอาทิตยาเข้ามาตั้งแต่ 18 ก.พ.2564ให้กักตัวในห้องพัก 3 วัน หลังจากนั้นให้ออกมาแต่อยู่ภายในสนามกอล์ฟ ไม่มีใครติดเชื้อโควิด-19 และวิลล่า ควอรันทีน ที่โรงแรมศรีพันวา ในวันที่ 21 ก.พ.2564กักตัวในห้องพัก 5 วัน หลังจากนั้นให้อยู่บริเวณโรงแรม ยังไม่พบมีผู้ที่ติดเชื้อแต่อย่างใด

“การเปิดรับนักท่องเที่ยวจะช่วยเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างดี เช่นในปี 2562 ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 2 ล้านล้านบาท เมื่อรวมนักท่องเที่ยวไทยอีก 1.01 ล้านล้านบาท จะมีรายได้รวม 3.01 ล้านล้านบาท ถือเป็นสัดส่วนประมาณ 17% ของจีดีพีประเทศ”

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าวว่า เศรษฐกิจในปี 2564 ยังต้องพึ่งพาการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวของคนในประเทศ โดยรัฐบาลคาดหวังว่าเมื่อมีวัคซีนเข้ามาความเชื่อมั่นของประชาชนจะดีขึ้นจะมีการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น หากเปรียบเทียบกับในปี 2562 คนไทยเที่ยวในประเทศมีการใช้จ่าย 1 ล้านล้านบาท ขณะที่ปี 2563 คนไทยเที่ยวกันเองใช้จ่ายไป 600,000-700,000 ล้านบาท หากในปีนี้คนไทยเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นอีก 150,000 ล้านบาท เพื่อให้ใกล้เคียงกับ 1 ล้านล้านบาทในปี 2562 และหากรวมกับการใช้จ่าย การบริโภค การส่งออกที่จะเพิ่มขึ้นโอกาสที่เศรษฐกิจจะเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีก 1% ไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไป

สำหรับมาตรการทางเศรษฐกิจที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการบริโภค และการท่องเที่ยวกำลังมีการพิจารณาอยู่ในกรอบวงเงินกู้ฯที่เหลืออยู่ 200,000 ล้านบาท มีความเป็นไปได้ที่จะมีการขยายระยะเวลาหรือทำซ้ำในส่วนของมาตรการต่างๆที่สนับสนุนเศรษฐกิจภายในของประเทศให้ขยายตัวมากขึ้น ซึ่งมาตรการเหล่านี้ไม่ได้มีแค่ผลผลิตทางเศรษฐกิจแต่จะช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนให้เคยชินกับระบบดิจิทัลมากขึ้น.