“สารัชถ์” ซีอีโอกัลฟ์ รุกธุรกิจสนามกอล์ฟ “สโตนฮิลล์” บนพื้นที่กว่า 950 ไร่ ย่านเชียงรากน้อย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี หวังยกระดับการท่องเที่ยวและกีฬาด้วยมาตรฐานระดับโลก ประเดิมทัวร์นาเมนต์แรก “ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชันแนล ซีรีส์” 7-9 ต.ค.นี้ ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 9 พันล้านบาท เป็นการตอกย้ำศักยภาพของไทยในภูมิภาคเอเชีย
น่าจับตามองทีเดียวสำหรับศึกกอล์ฟที่กำลังจะจัดขึ้นที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกกับรายการใหญ่ที่มีชื่อว่า “ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชันแนล แบงคอก” ระหว่างวันที่ 7-9 ตุลาคมนี้ โดยถือเป็น 1 ใน 8 ทัวร์นาเมนต์ของ “ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชันแนล ซีรีส์” (LIV Golf Invitational Series) ที่จัดการแข่งขันขึ้นเป็นปีแรกตระเวนดวลวงสวิงตามเมืองใหญ่ๆ ของทั้งประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และ ซาอุดิอาระเบีย รวมแล้วมีเงินรางวัลให้ชิงชัยสูงถึง 255 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9,180 ล้านบาท) เลยทีเดียว เรียกได้ว่าไม่มีทัวร์กอล์ฟไหนมีเงินสูงขนาดนี้มาก่อน
ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชั่นแนล ซีรีส์ ดำเนินการจัดการแข่งขันโดย ลิฟ กอล์ฟ อินเวสต์เมนท์ส เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งมีวิสัยทัศน์และพันธกิจส่งเสริมการลงทุนอย่างครอบคลุมและยั่งยืนเพื่อพัฒนากีฬากอล์ฟกีฬากอล์ฟทั่วโลก ทำให้ถือกำเนิดทัวร์กอล์ฟอาชีพนี้ขึ้นซึ่งได้รับทุนจากกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ พีไอเอฟ (Public Investment Fund) ของประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่ถือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ ลิฟ กอล์ฟ อินเวสต์เมนท์ส โดยมี เกร็ก นอร์แมน ตำนานนักกอล์ฟชาวออสเตรเลียเจ้าของฉายา “ฉลามขาว” ดีกรีแชมป์เมเจอร์ ดิ โอเพ่น 2 สมัยปี 1986 กับ 1993 นั่งตำแหน่งซีอีโอ
รูปแบบการเล่นในปีแรกของ ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชั่นแนล ซีรีส์ นั้นไม่เหมือนกับทัวร์กอล์ฟที่ทำการแข่งขันกันอยู่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็น พีจีเอ ทัวร์, ยูโรเปียน ทัวร์, แอลพีจีเอ ทัวร์ และ เอเชียน ทัวร์ ที่แข่งกันกินเวลายาวนานเกือบตลอดทั้งปีฤดูกาลหนึ่งแข่งกันราว 30 ทัวร์นาเมนต์ ลิฟ กอล์ฟ มองว่านานเกินไปและเป็นเช่นนี้มานานไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทำให้ไม่มีกลุ่มแฟนกอล์ฟใหม่ๆ เกิดขึ้น
ดังนั้น ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชั่นแนล ซีรีส์ จึงมีรูปแบบการเล่นที่แตกต่างออกไปปีแรกชิงชัยทั้งหมด 8 สนามประกอบไปด้วยที่ ลอนดอน (อังกฤษ) พอร์ทแลนด์ (สหรัฐอเมริกา) เบดมินสเตอร์ (สหรัฐอเมริกา) บอสตัน (สหรัฐอเมริกา) ชิคาโก้ (สหรัฐอเมริกา) แบงคอก (ไทย) เจดดาห์ (ซาอุดิอาระเบีย) และ ไมอามี่ (สหรัฐอเมริกา) สำหรับรูปแบบการแข่งขันชิงชัยทั้งประเภทบุคคลและประเภททีม โดยมีนักกอล์ฟร่วมแข่งขัน 48 คน แบ่งเป็น 12 ทีมๆ ละ 4 คน แข่งขัน 3 วันรวม 54 หลุมแบบไม่มีการตัดตัว ส่วนเรื่องเงินรางวัลคือสิ่งที่ทุกคนสนใจ เพราะรายการนี้ได้รับการสนับสนุนจากซาอุดิอาระเบีย โดยการแบ่งเงินรางวัลแต่ละสนามคือแบบบุคคล 20 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 720 ล้านบาท) โดยทุกคนจะได้รับส่วนแบ่ง และแบบทีม 5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 180 ล้านบาท) สำหรับ 3 ทีมแรกเท่านั้น ก่อนที่จะไปชิงเงินก่อนโตในซีรีส์สุดท้ายแบบบุคคล 30 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,080 ล้านบาท) และแบบทีม 50 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,800 ล้านบาท)
เกร็ก นอร์แมน ในฐานะ ซีอีโอ กล่าวถึงจุดประสงค์ของ ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชั่นแนล ซีรีส์ ว่า “ผมต้องการให้นักกอล์ฟทุกคนยกระดับขึ้น รวมถึงได้รับโอกาสที่มากขึ้นและแฟนๆ มีความสุขในการชมการแข่งขัน ภารกิจของผมคือทำให้เกมกอล์ฟมีประสิทธิภาพสูงสุดทั้งผู้เล่นและผู้ชม เกมกอล์ฟคือต้องสร้างความบันเทิงในฐานะกีฬา ส่วนเราถือเป็นสตาร์ทอัพที่มีวิสัยทัศน์อันยาวไกลและต้องการเติบโต ซึ่งผมเชื่อว่าเรามีอนาคตที่สดใสและน่าตื่นเต้นรออยู่ เราคำนึงถึงผู้ชมมาก่อนเป็นลำดับแรก เนื่องจากเกมกอล์ฟสมัยใหม่แฟนๆ ต้องการชมการแข่งขันและการเล่นที่เร็วขึ้นรวมถึงสั้นลงไม่ใช่ 4 รอบ 4 วันเหมือนแต่ก่อน”
ลิฟ กอล์ฟ นั้นอัดแท่นด้วยโปรชั้นนำของโลกดีกรีแชมป์เมเจอร์ 12 คน และอดีตมือ 1 ของโลก 4 คนไม่ว่าจะเป็น คาเมรอน สมิธ แชมป์ บริติช โอเพ่น คนล่าสุด, ไบรสัน เดอแชมโบ จอมตีไกล, ฟิล มิคเคลสัน, บรู๊คส์ เคปก้า, ดัสติน จอห์นสัน และ บับบา วัตสัน นอกจากนี้ยังมีดาวดัง ไรเดอร์ คัพ อย่าง เฮนริก สเตนสัน, ลี เวสต์วูด, เอียน โพลเตอร์, เซอร์จิโอ การ์เซีย, หลุยส์ ออสธุยเซ่น และแพตทริก รีด รวมถึงสองโปรกอล์ฟแถวหน้าของไทยอย่าง พชร คงวัดใหม่ และ สดมภ์ แก้วกาญจนา ลงชิงชัย
ไบรสัน เดอแชมโบ แชมป์ ยูเอส โอเพ่น 2020 และกัปตันทีม Crushers กล่าวถึงความเชื่อมั่นในการแข่งขัน ลิฟ กอล์ฟ ว่า “กอล์ฟเป็นกีฬาของคนทั่วโลก และหลังจากที่ผมได้เดินทางแข่งขันที่ดูไบ และได้มีโอกาสได้คว้าแชมป์ต่างๆ ทั่วโลก ได้มีโอกาสได้เล่นในสหราชอาณาจักรและทำผลงานที่ดี แม้กระทั่งช่วงที่ผมยังเป็นมือสมัครเล่นในระดับมหาวิทยาลัย ผมก็ยังได้มีโอกาสได้เข้าแข่งขันรายการ เวิลด์ อเมเจอร์ แชมเปียนชิพ ที่ประเทศญี่ปุ่น ผมได้มีโอกาสเข้าแข่งขันในรายการออสเตรเลียน มาสเตอร์ และออสเตรเลียน โอเพน ในระดับสมัครเล่น ผมรู้ทันทีว่ากีฬากอล์ฟนี้ไม่ได้เป็นกีฬาเล็กๆ อีกต่อไป โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกากีฬากอล์ฟเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมระดับโลก”
โดยในฤดูกาลนี้ สมาชิกทีม Crushers ได้รวมเอาดาวดังของวงการกอล์ฟระดับนานาชาติมาไว้ด้วยกัน อาทิ พอล เคซีย์ และ ริชาร์ด แบลนด์ จากประเทศอังกฤษ, อนีร์บาน ลาฮิรี จากอินเดีย, ฌอน นอริส กับ จัสติน ฮาร์ดิ้ง สองโปรหนุ่มดาวรุ่งแอฟริกาใต้ และ เทรวิส สมิธ มือดีจากออสเตรเลีย ซึ่ง เดอแชมโบ เชื่อว่าการรวมนักกอล์ฟชั้นนำจากนานาชาติไว้ในทีม จะเปิดตลาดผู้รับชมให้หลากหลายยิ่งขึ้นและสามารถยกระดับกีฬากอล์ฟให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นทั่วโลก
เดอแชมโบ กล่าวว่า “ผมมองว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่ผมมีลาฮีรีและเคซีย์เป็นผู้เล่นในทีม ผู้เล่นทั้งสองคนเป็นนักกอล์ฟระดับโลก และนี่จะเป็นสิ่งที่จะทำให้เราไปสู่เป้าหมายในการพัฒนากีฬากอล์ฟได้ ยังมีคนอีกมากมายที่ไม่รู้จักกีฬากอล์ฟ ผมอยากจะสร้างปฎิสัมพันธ์ที่ดีกับคนเหล่านั้น ผมต้องการสร้างโอกาสที่จะนำพากีฬานี้ก้าวไปข้างหน้า ซึ่งผมคิดว่าทีม Crushers และลิฟ กอล์ฟ จะสามารถให้กีฬากอล์ฟประสบความสำเร็จและบรรลุเป้าหมายของเรา”
ทางด้าน ลาฮิรี ดาวรุ่งจากประเทศอินเดีย กล่าวถึงความน่าตื่นเต้นและความสนุกสนานที่เขาสามารถสัมผัสได้ในประเทศอินเดียและในทวีปเอเชีย หลังจากที่ได้เข้าร่วมและเป็นส่วนหนึ่งของลิฟกอล์ฟเพียงหนึ่งเดือน
ลาฮิรี ซึ่งพ่ายเพลย์ออฟในการเล่น 3 คนกับ ดัสติน จอห์นสัน จากสหรัฐฯ และ จาคิน นีมันน์ จากประเทศชิลี ในรายการ ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชันแนล ที่บอสตัน กล่าวว่า “มุมมองของคนดูจากประเทศอินเดียคือพวกเขารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ชมและเชียร์นักกอล์ฟที่มาจากประเทศของเขาในการแข่งขันระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแข่งขันนี้จะจัดขึ้นในทวีปเอเชีย”
“เท่าที่ผมทราบมีเพื่อนผมอย่างน้อย 20 คนจะบินจากประเทศอินเดียไปชมการแข่งขันที่กรุงเทพฯ นี่ยังไม่รวมถึงแฟนๆ จากประเทศสิงคโปร์ มาเลเซียและที่อื่นๆ กอล์ฟเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างแท้จริงในทวีปเอเชีย แฟนกีฬากอล์ฟมองว่านี่เป็นโอกาสที่สำคัญอย่างมากที่จะผลักดันให้กีฬากอล์ฟได้รับความนิยมมากขึ้นในอนาคต ไม่ใช่เพียงพัฒนาการของ เอเชียน ทัวร์ แต่พวกเขายังจะได้เห็นนักกอล์ฟที่เขาชื่นชอบ และชมบรรยากาศอันสนุกสนานของการถ่ายทอดสดของการแข่งขัน ผมดีใจมากที่ทุกคนจะสัมผัสบรรยกาศของการแข่งขันกอล์ฟในรูปแบบใหม่นี้” ลาฮิรี เผย
แน่นอนที่สุดว่า ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชันแนล แบงคอก ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้มีผู้เล่นชาวไทยเพียง 2 คนที่ได้สิทธิแข่งขันดวลกับมือดังระดับโลกคือ พชร คงวัดใหม่ และ สดมภ์ แก้วกาญจนา จากการทำผลงานได้ดีในเวที เอเชียน ทัวร์ และรายการ อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ ที่สนับสนุนโดย ลิฟ กอล์ฟ
พชร คงวัดใหม่ โปรกอล์ฟหนุ่มของไทย ซึ่งเข้าร่วมแข่งขัน ลิฟ กอล์ฟ อินวิชันแนล มาแล้ว 4 สนาม กล่าวถึงการแข่งขันที่ไทยว่า “การได้ลงเล่นกอล์ฟรายการใหญ่ระดับนี้ในบ้าน เป็นหนึ่งในสิ่งที่ผมใฝ่ฝันถึงเสมอ คุณภาพในสนามจะแตกต่างจากทุกรายการที่ผมเคยลงเล่นในไทย ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับกีฬากอล์ฟทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชีย ลิฟ กอล์ฟ เป็นการรวมนักกอล์ฟมือดีที่สุดของโลกมารวมกัน ภายใต้การแข่งขันรูปแบบใหม่ที่ลุ้นสนุกกับทั้งนักกอล์ฟและคนดู ด้วยบรรยากาศที่น่าประทับใจในทุกรายการที่ผมเคยเล่นมา และการได้สัมผัสประสบการณ์เดียวกันนี้ในบ้านเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม ซึ่งนี่จะเป็นอะไรที่พิเศษมากสำหรับนักกอล์ฟชาวไทยและแฟนกอล์ฟ”
ทางด้าน สดมภ์ แก้วกาญจนา ซึ่งจบดีสุดที่อันดับ 13 ในการแข่งขันที่บอสตัน กล่าวว่า “รู้สึกตัวเองโชคดีที่ได้มาเล่นรายการของ ลิฟ กอล์ฟ ได้เล่นกับนักกอล์ฟระดับโลก ได้เรียนรู้ช็อตต่างๆ จากพวกเขานำมาพัฒนาตัวเอง รายการนี้ต่างจากรายการอื่นเพราะเล่นแบบช็อตกัน แข่ง 3 วัน ระหว่างแข่งมีการเปิดเพลงและมีความเป็นสปอร์ตเอ็นเตอร์เทนท์ เป็นอะไรที่แปลกใหม่และเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับผม รู้สึกดีใจมากที่รายการนี้มาจัดที่เมืองไทย ทำให้ได้มีโอกาสเล่นรายการใหญ่ต่อหน้าแฟนกอล์ฟชาวไทย วันนี้มาซ้อมที่สนามสโตนฮิลล์เป็นครั้งแรก รู้สึกประทับใจมากตั้งแต่ทีออฟ สภาพสนามดีมาก เลย์เอาท์ท้าทาย โดยเฉพาะข้างกรีนที่มีสโลปเยอะและยากพอสมควร ก็ตั้งเป้าอยากทำอันเดอร์สนามให้ได้ทุกวัน จะพยายามเล่นเต็มที่ให้ดีที่สุด พยายามทำผลงานให้ดีเพื่อเป็นตัวแทนคนไทย เนื่องจากรายการนี้มีผู้เล่นชั้นนำของโลกมากมาย จะต้องวางแผนและเล่นช็อตให้เนียบและดีที่สุด ทำช็อตนั้นให้เล่นง่ายที่สุด”
เหนืออื่นใดทั้งหมด 8 สนาม โดยจัดขึ้นที่ประเทศไทยเป็นประเทศแรก สิ่งนี้ถือเป็นตอกย้ำศักยภาพของทวีปเอเชียและนักกีฬากอล์ฟไทยที่ไปสร้างชื่อคว้าแชมป์มาแล้วทั่วโลก เหนืออื่นใดคือผู้ที่ทำให้ดีลนี้เกิดขึ้นซึ่งก็คือ สาริศ รัตนาวะดี ลูกชายของ สารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ทำธุรกิจด้านพลังงานรายใหญ่
ถือเป็นการบุกธุรกิจกีฬาครั้งแรกของ สารัชถ์ รัตนาวะดี โดยจับไปที่ชนิดกีฬาที่มูลค่าทางการตลาดสูงระดับต้นๆ ของโลกไม่แพ้กีฬาชนิดใดทั้งสิ้น ทำให้ตัดสินใจทุ่มงบประมาณพอสมควรสร้างสนามใหม่เอี่ยมคือ สโตนฮิลล์ (Stonehill) บนพื้นที่ 950 ไร่ ตั้งอยู่ที่ ต.เชียงรากน้อย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เดินทางสะดวกด้วยทางด่วนจากกรุงเทพฯ เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น พร้อมตั้งใจให้เป็นสนามที่ดีที่สุดในประเทศไทยในการยกระดับการท่องเที่ยวและกีฬาด้วยมาตรฐานระดับโลก
นายสารัชถ์ กล่าวในวันเปิดตัวสนามว่า “เราต้องการสนามกอล์ฟคุณภาพระดับโลก เริ่มต้นด้วยการเลือกพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งไม่ไกลจาก กรุงเทพฯ อีกทั้งยังใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้สามารถนำน้ำมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนการออกแบบเรามองหาดีไซเนอร์ทั้งชาวไทยและต่างชาติมีอยู่ประมาณ 3-4 คนก่อนมาได้ ไคล์ ฟิลลิปส์ ที่มีผลงานออกแบบสนามกอล์ฟที่ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งสภาพอากาศคล้ายเมืองไทยถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดทั้งหญ้าและต้นไม้สายพันธุ์ต่างๆ ส่วนการที่ ลิฟ กอล์ฟ มาจัดที่ประเทศไทยได้นั้นก็เพราะลูกชายผมที่มีความรู้จักกับทางนั้นเป็นการส่วนตัวเป็นคนดีลมา จึงเป็นที่มาของการนำกอล์ฟรายการระดับโลก ที่มีโปรกอล์ฟชื่อดังมาแข่งขันที่สนามแห่งนี้”
“ถือว่าประจวบเหมาะด้วย เพราะตอนนี้ความสัมพันธ์ไทยกับซาอุดิอาระเบียดีขึ้นแล้ว ถ้าเป็นก่อนหน้านี้คงจะยาก ก็ถือว่าการแข่งกอล์ฟครั้งนี้จะเป็นการเชื่อมความสำพันธ์ระหว่างประเทศ นอกจากนี้เราก็มีธุรกิจในด้านพลังงานที่ทำร่วมกันอยู่ จึงทำให้เขามีความเชื่อมั่นว่าสนามกอล์ฟของเรามีคุณภาพที่ดี ก็หวังว่า ลิฟ กอล์ฟ จะดึงดูดผู้ชมได้มาก เนื่องจากมีนักกอล์ฟระดับโลกเข้ามาร่วมการแข่งขันจำนวนมากโอกาสแบบนี้มีไม่บ่อย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นทั้งด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศได้ดีด้วย” นายสารัชถ์ ทิ้งท้าย
นอกจากนี้ถือเป็นมิติใหม่ที่ “ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชันแนล ซีรีส์” มีการถ่ายทอดสดผ่านทางยูทูปช่อง LIV Golf YouTube รวมถึงเว็บไซต์ livgolf.com และ Facebook ครอบคลุมกว่า 180 ประเทศทั่วโลก ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้แฟนกีฬากอล์ฟได้ชมและเชียร์ผู้เล่นที่ตนชื่นชอบได้ใกล้ชิดมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้กีฬากอล์ฟเป็นที่นิยมในระดับนานาชาติต่อไปในอนาคต เพราะไม่ว่าผู้เล่นคนไหนจะอยู่จุดใดของสนามผู้ชมก็สามารถเห็นการเล่นทุกช็อตได้อย่างใกล้ชิดรวมถึงคำบรรยายประกอบการเล่น ฝ่ายจัดการแข่งขันมองว่าสิ่งนี้เองถือเป็นกลไกการเพิ่มฐานแฟนๆ และกลุ่มผู้ชมกีฬาใหม่ๆ ทั้งหมดนี้ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ดีมากในการสร้างปฎิสัมพันธ์ระหว่างผู้ชมและกีฬากอล์ฟ
สถานการณ์ลุ้นแชมป์ก่อนศึก ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชันแนล แบงคอก ปัจจุบันผ่านไป 5 อีเวนต์ ดัสติน จอห์นสัน แชมป์ ยูเอส โอเพ่น ปี 2016 และแชมป์ มาสเตอร์ส ปี 2020 รั้งจ่าฝูงของตารางในประเภทบุคคล โดยมี 136 คะแนน หลังจากคว้าแชมป์ที่ บอสตัน และจบใน 3 อันดับแรกที่ เบดมินสเตอร์ และ ชิคาโก้ ส่วนอันดับ 2 คือ แบรนดอน เกรซ แชมป์ที่พอร์ตแลนด์จากแอฟริกาใต้มีอยู่ 79 คะแนน ขณะที่ คาเมรอน สมิธ แชมป์เมเจอร์ บริติช โอเพน รั้งอันดับ 3 มีอยู่ 56 คะแนน จากผลงานคว้าแชมป์ที่ชิคาโก และจบอันดับ 4 ในการประเดิมลงเล่นครั้งแรกที่บอสตัน ทางด้าน ชาร์ล ชวาร์ตเซล แชมป์มาสเตอร์สปี 2011 รั้งอันดับ 4 มีอยู่ 55 คะแนน โดย ชวาร์ตเซล คว้าแชมป์สนามแรกในรายการ ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชันแนล ลอนดอน
สุดท้ายนี้แฟนกีฬากอล์ฟสามารถซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขัน ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชันแนล แบงคอก ระหว่างวันที่ 7-9 ตุลาคมนี้ ได้แล้วที่ LIVGolf.com หรือ thaiticketmajor.com โดยบัตรเข้าชมทั่วไป แพคเกจ 1 วัน ราคา 800 บาท แพคเกจ 3 วันราคา 1,600 บาท นอกจากนี้แพคเกจพิเศษ 1 วัน และ 3 วัน สำหรับโซนคลับ 54 และ แกลเลอรี คลับ
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการกอล์ฟโลกและเอเชียที่น่าจับตามองอย่างยิ่งอีกทั้งฤดูกาลหน้าจะยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีกเมื่อ ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชันแนล ซีรีส์ จะมีการแข่งขันเพิ่มขึ้นเป็น 14 รายการ ในเอเชียและตะวันออกกลาง นอกจากนี้ยังมีการจัดการแข่งขันในทวีปอเมริกาเหนือ อเมริกากลาง ออสเตรเลีย และทวีปยุโรป อีกด้วย