วันที่ 30 ม.ค. 65 สภ.หัวหิน ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อม พล.ต.ต.รักษ์จิต หม้อมงคล,พ.ต.อ.กิตติภพ ชมภูนุช ,พ.ต.อ.วิธิวัฒน์ ศรีทองจ้อย รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ,พ.ต.อ.ภาณุทัต เหลืองสัจจกุล ผกก.สส.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.เจริญ ชนประเสริฐ ผกก.(สอบสวน) กส.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.หงส์พรหม วิศิษฐ์ชนะชัย ผกก.สภ.หัวหิน และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องแถลงข่าวการจับกุมนายภาณุพงศ์ หรือชีส ชุมภารี อายุ 24 ปี , นายบัณฑิต หรือปอง เฟื่องฟู อายุ 23 ปี,นายอนุสรณ์ หรือกอล์ฟ ชุมภารี อายุ 29 ปีและนายอนุชา หรือแซม ทุ่งคำ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดหัวหิน ที่ จ.5-8/2565 ลงวันที่ 28 ม.ค. 65 ตามลำดับ ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”
พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวถึงพฤติการณ์แห่งคดีว่า นายภาณุพงศ์หรือชีส,นายบัณฑิต หรือปองฯ และ นายอนุสรณ์ หรือกอล์ฟ ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ร่วมกันโดยแบ่งหน้าที่กันทำ ด้วยการติดต่อชักชวนประชาชนทั่วไปโดยการติดต่อชักชวนคนที่รู้จัก และประกาศข้อความทางเฟชบุ๊ค(Facebook) ให้บุคคลทั่วไปทราบ โดยอ้างว่ามีโควต้าผู้ใหญ่ซึ่งมีโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลในสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ชักชวนให้ร่วมสั่งจองโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลกับกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งสามารถซื้อได้ในราคาถูกใบละ 78-79 บาท เป็นเหตุให้ นายสิทธิชัย สายบัว กับพวกรวม 32 คน ผู้เสียหายที่หลงเชื่อว่าเป็นความจริง ได้โอนเงินสั่งจองสลากกินแบ่งรัฐบาลกับกลุ่มผู้ต้องหาช่วงแรกจะได้สลากตามที่สั่งซื้อ เมื่อผู้เสียหายสั่งซื้อสลากจำนวนเงินเพิ่มมากขึ้น กลุ่มของผู้ต้องหาได้เงินไปแล้ว แต่ไม่ได้สลากมาส่งมอบสลากให้ผู้เสียหายตามที่สั่งซื้อ และเมื่อผู้เสียหายติดตามทวงถามเงินคืน นายภาณุพงศหรือชีสฯ จึงให้ข้อเท็จจริงว่านายนายอนุชาหรือแซมฯ เป็นผู้รับเงินต่อไปอีกทอดหนึ่ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้ง 32 คนได้รับความเสียหายรวมเป็นเงินจำนวน 24,063,640 บาท คณะพนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานแล้ว จึงขอศาลจังหวัดหัวหิน ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 จากนั้นต่อมา จึงได้ทำการจับกุมตัวนายภาณุพงศ์ หรือชีส ชุมภารี, นายอนุสรณ์ หรือกอล์ฟ ชุมภารี และนายบัณฑิต หรือปอง เฟื่องฟู ได้ในวันที่ 28 มกราคม 2565 และนายอนุชา หรือแซม ทุ่งคำ ได้ในวันที่ 29 มกราคม 2565
โดยการปฏิบัติในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมบูรณาการกำลังตามหลักการ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในเวลาอันรวดเร็ว การปฏิบัติการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการพิทักษ์และรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง