ถ้าพูดถึงตัวละครที่ปฏิวัติวงการนางเอกไทย ผู้เขียนขอยกให้ ‘ปริศนา ศรีสุทธากุล’ จากบทประพันธ์เรื่อง ปริศนา ของ ว.ณ ประมวญมารค หรือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต คือหัวหอกในการสร้างคาแรกเตอร์นางเอกยุคใหม่ที่มีความสามารถรอบด้าน ไม่ได้อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ และน่าจะเป็นนางเอกคนแรกๆ ของเมืองไทยที่ ‘นุ่งสั้น’ ตามแบบสาวตะวันตกมาตั้งแต่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งถือว่าใหม่มากสำหรับสังคมไทยในยุคนั้น
ตัวละคร ‘ปริศนา’ เป็นลูกของพระวินิจมนตรีกับคุณนายสมร แต่ทางญาติฝ่ายพ่อไม่ยอมรับ เพราะเธอเกิดหลังจากที่คุณพ่อเสียไปแล้วถึง 6 เดือน ปริศนาอยู่กับอาที่อเมริกา พอโตขึ้นก็ได้กลับมาทำงานเป็นครูที่กรุงเทพฯ ที่โรงเรียนของหม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดี น้องสาวของ หม่อมเจ้าพจน์ปรีชา เมื่อพบกัน ปริศนากับท่านชายพจน์ก็แอบชอบกันลึกๆ แต่ก็ไม่มีใครพูดออกไป จนประวิชซึ่งเป็นคนสนิทของท่านชายพจน์ขอให้ท่านชายพจน์ไปสู่ขอปริศนา ทำให้ปริศนาโกรธท่านชายพจน์มาก ประวิชมาขอให้อนงค์พี่สาวของปริศนาช่วยเรื่องปริศนา ทำให้เขารู้ว่าอนงค์ชอบเขาอยู่ ความเห็นใจเกิดเป็นรัก ต่อมาทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกัน หลังจากนั้นอานนท์หนุ่มเจ้าสำราญที่เพิ่งกลับมาจากอเมริกาเกิดถูกใจปริศนาเข้าอีก ทำให้ร่ำลือกันว่าทั้งสองจะแต่งงานกัน ส่วนท่านพจน์ก็ไปไหนมาไหนกับรตี ญาติผู้หญิง สาวที่ผู้ใหญ่หมายจะให้แต่งงานกัน ยิ่งทำให้ทั้งสองผิดใจกันมากขึ้น ท่านชายพจน์หนีไปเที่ยวป่า และล้มป่วยอาการหนัก ปริศนาเสียใจและรู้ว่ารักท่านชายพจน์มาก หลังจากที่ท่านชายพจน์อาการดีขึ้นจึงมาเยี่ยมที่วังและปรับความเข้าใจกัน สุดท้ายทั้งสองก็แต่งงานกัน
ภาพจากละครเรื่องปริศนา เวอร์ชันปี 2530
ภาพจากละครเรื่องปริศนา เวอร์ชันปี 2543
สำหรับผู้อ่าน หรือแม้แต่คนดูหนังและละครเรื่อง ปริศนา เป็นต้องนึกถึง ‘หัวหิน’ สถานที่อันเป็นฉากสำคัญตั้งแต่ตอนต้นเรื่อง เมื่อประวิชได้เกิดติดใจสาวนางหนึ่งนั่นก็คืออนงค์ที่หัวหิน อีกทั้งตำหนักมโนรมย์ของท่านชายพจน์ก็อยู่ที่หัวหิน จึงทำให้เรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่นี่ ทำให้ ปริศนา กลายเป็นโลโก้ของตำนานสถานตากอากาศแห่งแรกของไทยไปโดยปริยาย
ความจริงแล้วชนชั้นสูงของไทยเริ่มรับวัฒนธรรม ‘ตากอากาศ’ จากตะวันตกมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 จากแนวคิดที่เชื่อว่าการได้รับอากาศดีๆ ริมทะเลจะช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บ อย่างในช่วงรัชกาลที่ 5 ก็มีการสร้าง ‘พระจุฑาธุชราชฐาน’ พระราชวังฤดูร้อนบนเกาะสีชัง เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนและพักฟื้นของเจ้านายหลายพระองค์ แต่การตากอากาศเริ่มกลายเป็นที่นิยมจริงๆ ก็เมื่อครั้งมีมีการสร้างทางรถไฟเพื่อไปเชื่อมต่อกับทางรถไฟไปมาเลเซีย ทำให้การเดินทางทางบกมาทางสายใต้สะดวกมากกว่าการเดินทางทางเรือไปทางตะวันออก
ดังนั้น เมื่อทางรถไฟสถานีบ้านชะอำ-หัวหิน เปิดให้บริการเมื่อปี 2454 ‘หัวหิน’ จึงกลายเป็นจุดหมายแห่งการพักผ่อนของชนชั้นสูงของไทย รวมถึงชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยในไทยก็ได้มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวที่หัวหินสะดวกขึ้น เมื่อมีการเดินทางไปมาหาสู่กัน หัวหินจึงเป็นสถานที่แรกๆ ที่ได้รับวัฒนธรรมตะวันตก แถมที่นี่เป็นสถานที่ตั้งของโรงแรมตากอากาศริมชายหาดระดับ 5 ดาวแห่งแรกของเมืองไทยในชื่อ โรงแรมรถไฟหัวหิน (ปัจจุบันคือโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทแอนด์วิลลา) ส่วนหัวหินรอยัลกอล์ฟก็เป็นสนามกอล์ฟระดับมาตรฐานสากลแห่งแรกของประเทศไทย หรืออย่างโฮเต็ลหัวหิน (ปัจจุบันคือโรงแรม เดอะ เภรี โฮเต็ล) ก็มีการสร้างสนามกอล์ฟและสนามเทนนิสเอาไว้ด้วย เรียกว่าหัวหินเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์แบบตะวันตกของไทยในยุคนั้นเลยทีเดียว
อดีตโรงแรมรถไฟหัวหิน ปัจจุบันคือโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทแอนด์วิลลาส *หมายเหตุ ภาพถ่ายในปี 2552
ย้อนกลับมาที่ปริศนา ซึ่งมีคาแรกเตอร์เป็นสาวหัวนอกผู้ซึ่งเก่งทางด้านกีฬาทั้ง ‘เทนนิส ว่ายน้ำ ขี่ม้า ระดับได้ถ้วยรางวัล’ ก็คงไม่มีที่ไหนเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเธอได้เท่าหัวหิน และแม้ว่าปริศนาจะ ‘นุ่งสั้น’ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสำหรับที่นี่ เพราะชุดว่ายน้ำเข้ามาสู่หัวหินแทบจะช่วงเดียวกับยุคกำเนิดชุดว่ายน้ำในฝั่งตะวันตกเลยก็ว่าได้ (ผู้เขียนได้เห็นภาพเก่าของสาวไทยใส่ชุดว่ายน้ำในช่วงปีใกล้เคียงกำเนิดชุดว่ายน้ำจากโรงแรมแห่งหนึ่งที่หัวหิน) แม้ในเรื่องเธอจะไม่ใช่คนมั่งมี แต่ก็เรียกได้ว่าเป็น ‘ชนชั้นกลางระดับสูง’ อยู่ในกลุ่มชนชั้นนำทางสังคมในยุคนั้น ซึ่งก็น่าจะถ่ายทอดจากประสบการณ์บางส่วนของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ที่เคยไปพักผ่อนหย่อนใจที่หัวหินนั่นเอง
ภาพจากละครเรื่องปริศนา เวอร์ชันปี 2558
ปัจจุบันการเดินทางไปหัวหินสะดวกกว่าเดิม และวัฒนธรรมตะวันตกก็มีให้เห็นเกลื่อนกลาด การไปพักผ่อนที่หัวหินจึงออกแนวไปชิลๆ นั่งโง่ๆ ริมทะเลเสียมากกว่า ส่วนใครที่อยากจะตามรอยไลฟ์สไตล์อีลิทในยุคเก่า ก็อยากจะแนะนำให้ลองขี่ม้าเยี่ยมชมบ้านพักตากอากาศของตระกูลดังริมชายหาดหัวหิน ซึ่งเอาเข้าจริงถ้าไม่ได้ข้อมูลจากโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน ก็ไม่เคยรู้ ทั้งที่เดินเล่นผ่านไปผ่านมาก็หลายรอบ ซึ่งทั้งหมดอยู่ใกล้กันไม่เกินรัศมี 1.25 กิโลเมตรเท่านั้นเอง
กลุ่มบ้านหลังรั้วไม้สีขาวนี้ มีเจ้าของเดิมคือพระยาพิชัยญาติ หรือ ดั่น บุนนาค เมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่ 7 ต้องแปรพระราชฐานมาประทับที่วังไกลกังวล พระยาพิชัยญาติจึงจำเป็นที่จะต้องสร้างบ้านพักไว้อยู่ใกล้กันเพื่อให้สะดวกต่อการปรึกษาข้อราชการต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันบ้านหลังนี้มีเจ้าของคือ พนารัตน์ พิสุทธิ์ศักดิ์ อดีตดาราจอแก้วชื่อดัง กลุ่มบ้านพิชัยญาติมีบ้านไม้บ้านตึกประมาณ 27 หลัง พื้นที่ด้านหน้ายาวจนจรดชายหาด ยกใต้ถุนสูง ตัวระเบียงของเรือนกว้างขวาง มีหน้าต่างบานเกล็ดหลากหลายบานเพื่อเปิดรับอากาศตามแบบฉบับสถาปัตยกรรมโคโลเนียล บริเวณด้านหน้ามีอนุสาวรีย์ของพระยาพิชัยญาติประดิษฐานไว้
บ้านมะขามโทนมีเจ้าของเดิมคือพระยาภิรมย์ภักดี ก่อนบ้านจะตกทอดเรื่อยมาสู่รุ่นลูกหลานของตระกูลภิรมย์ภักดีในปัจจุบัน บ้านพักตากอากาศหลังเดิมถูกรื้อถอนทั้งหมดและสร้างขึ้นใหม่ในสไตล์บาหลี การตกแต่งภายในเน้นความสบายตา ใช้สีฟ้าครามตัดกับสีขาวแบบกะลาสีเพื่อให้เข้ากันกับบ้านที่ตั้งอยู่ใกล้ท้องทะเล โดยใช้เป็นที่สังสรรค์กันภายในครอบครัวในวาระโอกาสต่างๆ
บ้านสุขเกษม ออกแบบบ้านอย่างลงตัวให้เข้ากับทะเล ไม่ว่าจะเป็นการยกใต้ถุนสูง และระเบียงที่กว้างขวาง ทำให้รับอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มที่ โดยเจ้าของบ้านในปัจจุบันคือ รุจิราภรณ์ หวั่งหลี มัณฑนากรมือวางอันดับต้นๆ ของประเทศ
บ้านศตสุข สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ในช่วงเดียวกันกับที่สร้างพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ที่อำเภอชะอำ บ้านศตสุขแปลว่า บ้านร้อยสุข เจ้าของเดิมคือ พระยาโชฎึกราชเศรษฐี เป็นตำแหน่งเจ้ากรมท่าซ้าย ต่อมาได้ขายบ้านหลังนี้ให้แก่ พระยาไพชยนต์เทพ (ม.ร.ว.ลพ อรุณวงษ์) และตกทอดมายังทายาทรุ่นต่อๆ มาของราชสกุล อรุณวงษ์ จนมาถึง ร.อ. กฤษฎา อรุณวงษ์ ณ อยุธยา อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ทำการบูรณะซ่อมแซมบ้านหลังนี้อีกครั้งให้อยู่ในสภาพที่ดี ในปัจจุบัน พราว เรียล เอสเตท ได้นำบ้านศตสุขมาปรับปรุงและใช้เป็นคลับเฮาส์ชื่อ 111 Social Club แต่ยังคงอนุรักษ์กลิ่นอายความเป็นบ้านโบราณในยุคสมัยแรกเอาไว้
ภาพ: ละครเรื่องปริศนา และ getty image
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง:
เผยแพร่: 31 พ.ค. 256…
This website uses cookies.