มะม่วง…กินพอดีมีประโยชน์มหาศาล / พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ

มะม่วง…กินพอดีมีประโยชน์มหาศาล / พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   


คอลัมน์ “Golf Healing” โดย “พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎ และ โรงพยาบาลรามคำแหง มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยมากกว่า 30 ปี [email protected]

“วันนี้ไอ้เก่งมันเป็นอะไร ดูท่าทางมันเซ็งๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา” คุณชูสง่าตั้งคำถามกับพี่หมอจากการสังเกตดูท่าทีของเจ้าเด็กอ้วน “อ๋อ! ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแย่งมันกินข้าวเหนียวมะม่วงน่ะ มันตักมาจานเบ้อเริ่มเลย….กลัวมันจะเป็นเบาหวานน่ะครับ น้ำตาลยิ่งปิ่มๆอยู่ เลยจำกัดจำนวนให้มันพอดี” “เอ๊านี่ เฮียก็อยากกินอยู่เลยสั่งให้ซ้อจัดมาวันนี้” “อ๋อ กินได้ครับเฮีย ถ้ากินมะม่วงไม่มากเกินพอดี กลับจะมีคุณประโยชน์กับร่างกายมากเลยถ้ากินเป็น” “งั้นหมอตักให้เฮียสักจานก็ดี แล้วมันมีประโยชน์อะไรบ้างล่ะหมอ?”

มะม่วง เป็นผลไม้ที่ใครๆก็นิยมทานมีทั้งมะม่วงเปรี้ยว มะม่วงมันรวมทั้งมะม่วงน้ำปลาหวาน แต่มะม่วงไม่ใช่มีดีแต่รสชาติเท่านั้น มะม่วงยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายอย่างคาดไม่ถึงทีเดียว

มะม่วงนั้นไม่ว่าจะกินตอนดิบหรือสุกก็อร่อยไม่แพ้กัน แต่บางคนเชื่อว่ามะม่วงมีแป้งเยอะทานแล้วจะทำให้อ้วน ดังนั้นมาดูกันเลยว่าจริงหรือไม่และมีคุณประโยชน์อย่างไรบ้าง?

มะม่วงเป็นผลไม้ที่มีไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอลและโซเดี่ยมต่ำและยังเป็นแหล่งอาหารที่อุดมด้วย ไฟเบอร์ วิตามินบี 6 วิตามินเอ และวิตามินซี รวมทั้งโพแทสเซียมและสังกะสี นอกจากนั้นก็ยังมี เควอซีทีน (Quercetin) เบต้าแคโรทีน (Betacarotene) กรดโฟลิกและแอสตรากาลิน(Astragalin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ช่วยป้องกันโรคหัวใจโรคมะเร็ง ภาวะเสื่อมของอวัยวะต่างๆที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระ การเกิดริ้วรอยก่อนวัย ดังนั้นการทานมะม่วงจึงมีประโยชน์ดังนี้

1.ช่วยควบคุมความดันโลหิต เพราะในมะม่วงมีทั้งโพแทสเซียมและแมกนิเซียม ซึ่งช่วยควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่ปกติ

2.ป้องกันโรคมะเร็ง สารประกอบฟีนอลที่พบในมะม่วง เช่น ควอซิทิน ไอโซเควอซิทริน(Isoquercitrin) แอสตรากาลิน ไฟเซติน(Fisetin) เมทิลแกทเลท (Methylgallat) มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำหน้าที่ในการต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งและยังมีเพคตินสูง ซึ่งมีผลต่อการป้องกันการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้

3.ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น เพราะมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยสลายโปรตีนให้ง่ายต่อการดูดซึมของร่างกาย ขณะที่ไฟเบอร์ในมะม่วงก็สามารถช่วยการย่อยอาหารได้อีกด้วย

4.ป้องกันโรคหัวใจด้วยวิตามินเอและอีรวมทั้งซิลิเนียมที่มีในมะม่วงและยังมีวิตามินบี 6 ที่ช่วยลดระดับของโฮโบซิสเตียน ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายกับผนังหลอดเลือดหัวใจได้

5.ลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) โดยเพคตินและวิตามินซีในมะม่วง

6.บำรุงสมอง โดยวิตามินบี 6 ในมะม่วงนอกจากช่วยป้องกันโรคหัวใจยังช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง ทำให้สารสื่อประสาทในการกำหนดอารมณ์และรูปแบบในการนอนหลับ

7.บำรุงสายตา จากวิตามินเอ ที่มีสูงในมะม่วงช่วยให้ตาใสปิ๊ง นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเสื่อมของจอประสาทตา เมื่ออายุมากขึ้นได้อีกด้วย

8.บำรุงผิวพรรณ วิตามินเอในมะม่วงยังมีบทบาทกับเรื่องของผิวพรรณโดยช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในเนื้อเยื่อและผิวหนัง ทำให้ลดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้ผิวพรรณเรียบเนียน

9.รักษาโรคโลหิตจางในหญิงตั้งครรภ์ มักจะมีภาวะโลหิตจาง แต่โชคดีที่คนท้องมักชอบกินมะม่วงเปรี้ยว ช่วยแก้อาการแพ้ท้อง จึงได้ธาตุเหล็ก ทำให้อาการโลหิตจางดีขึ้น

10.เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้ต่อสู้กับสารพิษและแบคทีเรียต่างๆได้ดี เพราะสารเบต้า แคโรทีนในมะม่วง เช่นเดียวกับผักผลไม้สีส้มและสี่เหลี่ยมอื่นๆ เช่น แครอท เป็นต้น

แต่ ! อย่าลืมว่ามะม่วงสุกมีน้ำตาลสูง ดังนั้น อย่ารับประทานให้มากจนเกินพอดีนะครับ