นาทีนี้ในวงการกอล์ฟโลก ไม่มีใครไม่รู้จัก “แพตตี้” หรือ “โปรเหมียว” ปภังกร ธวัชธนกิจ เจ้าของแชมป์เมเจอร์แรกแห่งปีของกอล์ฟหญิง ในการแข่งขันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในศึกกอล์ฟหญิงรายการ “เอเอ็นเอ อินสไปเรชัน” ชิงเงินรางวัลรวม 3.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 93 ล้านบาท ที่สนามมิชชัน ฮิลล์ส คันทรี คลับ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
จากมือโปรที่อาจเรียกได้ว่าโนเนม มือ 103 ของโลก แข่งขันอาชีพปีแรก และไม่เป็นตัวเต็งในรายการ แต่ “เหมียว” ปภังกร ธวัชธนกิจ สร้างประวัติศาสตร์ คว้าแชมป์แอลพีจีเอ ทัวร์ ในรายการ “เอเอ็นเอ อินสปิเรชั่น” สกอร์รวม 18 อันเดอร์พาร์ 270 คว้าถ้วยรางวัล พร้อมเงิน 465,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 15 ล้านบาท
เป็นแชมป์ชนิดนำม้วนเดียวจบ แม้วันสุดท้าย “ลิเดีย โค” โปรจากนิวซีแลนด์ พยายามไล่บี้ แต่ก็ไม่ทันนักกอล์ฟสาวไทยที่มีสมาธิจดจ่อในการตีก่อนเข้าป้ายไปอย่างสวยงาม
โปรเหมียว ยอมรับว่า ก่อนแข่งขันในวันสุดท้ายเธอนอนไม่ค่อยหลับ และพยายามนับเลขทำสมาธิ 1-100 ถึงจะข่มตาหลับลงได้ จนถึงเวลาแข่งขันจะไม่มองบอร์ดคะแนน ตั้งใจตีแต่ละชอตให้ดีที่สุด
ชัยชนะและแชมป์ของ “โปรเหมียว” หรือ “แพตตี้” หากมองถึงสถิติในประเทศแล้ว ถือเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 2 ที่คว้าแชมป์เมเจอร์ต่อจาก “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล อดีตมือ 1 โลก โดย “โปรเม” คว้าแชมป์เมเจอร์มาแล้ว 2 รายการ คือ วีเมนส์ โอเพ่น ในปี 2016 และ ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น 2018
และถือเป็นนักกอล์ฟสาวไทยคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์ ที่สามารถคว้าแชมป์อาชีพในแอลพีจีเอ ทัวร์ ต่อจาก “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล, “โปรโม” โมรียา จุฑานุกาล และ โปรจัสมิน สุวัณณะปุระ
เมื่อมองถึงประวัติศาสตร์ของกอล์ฟโลก ถือเป็นครั้งแรกในรอบครึ่งศตวรรษ หรือ 50 ปี ที่ “Rookie” นักกอล์ฟดาวรุ่งหน้าใหม่ สามารถคว้าแชมป์เมเจอร์
ที่สำคัญรายการ “เอเอ็นเอ อินสปิเรชั่น” จัดมาเป็นปีที่ 50 ก็ไม่เคยมีนักกอล์ฟคนไหนที่เข้ามาแข่งเป็นปีแรกแล้วสามารถคว้าแชมป์ได้เลย
ทั้งเป็นการคว้าแชมป์เมเจอร์ ตั้งแต่ปีแรกที่ลงทำการแข่งขัน โดยสถิตินี้แม้แต่นักกอล์ฟผู้ยิ่งใหญ่อย่าง “ไทเกอร์ วู๊ดส์” ยังเป็นรอง
ทั้งหมดล้วนแต่เป็นความมหัศจรรย์และ “น่าทึ่ง” ของวงการกอล์ฟโลก
ความรู้สึกของ “โปรเหมียว” ปภังกร ธวัชธนกิจ สาววัย 21 จากมหาวิทยาลัย ยูซีแอลเอ แคลิฟอร์เนีย กล่าวหลังคว้าแชมป์ แอลพีจีเอ ทัวร์ รายการแรกของตัวเอง และยังเป็นแชมป์เมเจอร์แรก หลังการเทิร์นโปรมาแค่ปีเดียว
“การคว้าแชมป์ของ แอลจีพีเอในครั้งนี้มีความหมายต่อตัวเองมากในการเริ่มต้นของทัวร์ เหนือสิ่งอื่นใดคือการชนะรายการที่เป็นเมเจอร์ มันเหมือนเป็นความฝัน ต้องการเป็นแชมป์เมเจอร์มาโดยตลอด เป้าหมายคือการคว้าแชมป์แกรนด์สแลม ตอนนี้ทำได้แล้ว 1 แชมป์”
“รู้สึกดีใจมากที่เป็นแชมป์เมเจอร์ ที่ถือว่ายังไม่สายเกินไปเพราะพึ่งจะอายุ 21 ปี เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว และตอนนี้ก็ได้แชมป์เมเจอร์แล้ว”
นอกจากนี้ “โปรเหมียว” ยังกล่าวถึงหลักยึด 4 ประการ ที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จ ผ่านทางสื่อต่างประเทศ
ประการแรกคือ กำลังใจ จากพ่อและแม่ที่รักและภูมิใจในตัวของเธอเสมอ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร
ประการสองคือ ความมั่นใจ เธอบอกว่า ภูมิใจในตัวเองมากเพราะ เล่นได้ดีมาตลอด 3 วัน และเล่นดีกว่าปีที่ผ่านมา
ประการสามคือ ความเสมอต้นเสมอปลาย “แพตตี้” ยืนยันที่จะเป็นเหมียวคนเดิมที่ตระหนักและซาบซึ้งถึงความรักที่คนรอบข้างมอบให้เสมอมา
และประการสุดท้ายคือ การพัฒนา ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็จะต้องมีจุดให้นำไปพัฒนาตัวเอง ตนจะไม่หยุดในสิ่งที่จะทำให้เก่งขึ้น
โปรเหมียว ย้ำว่า ค่านิยมและหลักยึด 4 ข้อนี้ ช่วยให้เธอชนะ
“โปรเหมียว” ปภังกร บอกว่า ที่ต้องใช้ชื่อ “แพตตี้” แทนที่ “เหมียว” ในการเรียกชื่อเล่น เพราะเวลาไปแข่งขันต่างประเทศ ต่างชาติพูดคำว่า “เหมียว” ไม่ได้
ส่วนจุดเริ่มต้นของการเล่นกอล์ฟ เกิดขึ้นจากการดูโทรทัศน์
“เหมียว” เล่าวว่า จากเด็กกิจกรรมที่ไปเรียนเต้น การแสดง แต่กลับไม่รู้สึกชอบและรักในสิ่งที่ทำ เรียนไปก็เลิก ทำไปก็หยุดหมด กระทั่งมานั่งดูโทรทัศน์กับพ่อในการแข่งขันกอล์ฟของ “ไทเกอร์ วู๊ดส์” และไทเกอร์ก็ชนะคว้าแชมป์ในรายการนั้น ก็หันไปบอกพ่อว่า
“หนูอยากตีกอล์ฟ อยากเป็นเหมือนไทเกอร์ในทีวี อยากสำเร็จ”
จากนั้นก็เริ่มฝึกฝน สร้างผลงานในระดับเยาวชน โดยมี “สิงห์” เข้ามาสนับสนุนตั้งแต่อายุ 12
โปรเหมียวกล่าวว่า จุดเปลี่ยนสำคัญคือหลังจากได้แชมป์เยาวชนกับทรูวิชั่น “จูเนียร์ กอล์ฟ ทัวร์” ทำให้ได้สิทธิ์ไปแข่งขันที่ประเทศอินโดนีเซีย การเดินทางและการใช้ชีวิตกับกลุ่มเพื่อนที่เดินทางไปด้วยกัน ทำให้รู้สึกสนุกประทับใจและชื่นชอบ
หลังการแข่งขันในระดับมือสมัครเล่น กระทั่งจบจาก โรงเรียนนานาชาติกีรพัฒน์ในกรุงเทพฯ จึงบินไปศึกษาต่อในคณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส หรือ ยูซีแอลเอ ด้วยทุนการศึกษาจากทางมหาวิทยาลัย พร้อมฝึกซ้อมและตระเวณแข่งขัน
ผลงานจากการคว้าแชมป์สมัครเล่นสำคัญหลายรายการ ทำให้ “โปรเหมียว” เป็นหนึ่งใน 2 นักกอล์ฟไทยในประวัติศาสตร์ที่รับรางวัล นักกอล์ฟเยาวชนหญิงยอดเยี่ยม จากสมาคมกอล์ฟเยาวชนแห่งอเมริกา ในปี 2016
โดยนักกอล์ฟไทยคนแรกที่คว้ารางวัลดังกล่าวคือ “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล รุ่นพี่ที่สร้างความสำเร็จไปก่อนหน้า
กระทั่งเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2019 ในวัย 19 ปี “โปรเหมียว” ประกาศเทิร์นโปร เล่นอาชีพอย่างเต็มตัว โดยงานสำคัญคือการเล่นใน “ซีเมทรา ทัวร์” เพื่อทำเงินรางวัลและคะแนนสะสมเพื่อรับสิทธิ์ทัวร์การ์ด “แอลพีจีเอ”
กระทั่งจบฤดูกาลมีการประกาศรายชื่อผู้เล่นในทัวร์ท็อป 10 ของการทำเงินรางวัลสะสม เพื่อรับสิทธิ์ทัวร์การ์ดลุยอาชีพในรายการของ “แอลพีจีเอ” ปรากฏว่า “โปรเหมียว” หรือ “แพตตี้” ปภังกร ธวัชธนกิจ จบในอันดับที่ 2 สะสมเงินรางวัล 117,518 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 3.5 ล้านบาท พร้อมคว้าตั๋วลุย “แอลพีจีเอ ทัวร์ 2020”
พร้อมกับ “โปรมายด์” กานต์พนิตนันท์ เมืองคำสกุล ที่จบในอันดับที่ 10 สะสมเงินรางวัล 81,046 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.5 ล้านบาท
แต่จากสถานการณ์ “โควิด” ทำให้ชีวิตของนักกอล์ฟต้องซ้อมมากกว่าแข่ง กระทั่งมาสร้างผลงานช็อกโลกในรายการล่าสุด เมเจอร์แรกของปีในฤดูกาล 2021
ผลงานของ “โปรเหมียว” หลังคว้าแชมป์ “เอเอ็นเอ อินสไปเรชั่น” เมเจอร์แรกของชีวิต ทำให้ ” โปรเหมียว ปภังกร ธวัชธนกิจ” ขยับอันดับโลกแบบก้าวกระโดดถึง 90 อันดับ
โดยจากอันดับ 103 ขึ้นมาอยู่อันดับ 13 ของโลกแล้ว พร้อมขึ้นแท่นเป็นนักกอล์ฟหญิงมือ 1 ของไทย แซง “โปรเม” เอรียา ที่ล่าสุดอยู่มือ 29 ของโลก
และจากนี้ไป วงการกอล์ฟจะต้องจับตาผลงานของ “แพตตี้ ปภังกร” ในฐานะมือดี ที่ไม่โนเนมอีกต่อไป