ดรามาวันอภิปรายเงินกู้ – ผู้จัดการออนไลน์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   



“โสภณ องค์การณ์”

ไม่เหนือความคาดหมาย ส.ส. 270 เสียงลงคะแนนให้ประเทศไทยสร้างหนี้เพิ่มภาระให้ลูกหลานอีก 5 แสนล้านบาท ตามใจรัฐบาลท่านผู้นำนักกอล์ฟ ไม่รู้สึกว่าจะเป็นวิกฤติต่อไปในอนาคต ขอให้มีเงินใช้หาเสียงวันนี้ก่อน เพื่ออยู่ต่ออีก 1 สมัย



ก็มีเสียงเตือนจากคุณท่านผู้นำนักกอล์ฟแล้วนี้ว่ารัฐบาลมีอายุอยู่อีก 1 ปี จากนั้นรัฐบาลต่อไปก็จะรับหน้าที่ต่อไป แต่คุณท่านเหนียมอายเล็กน้อย ไม่ยอมเปิดปากบอกว่ารัฐบาลต่อไป ก็ต้องมีคุณท่านเป็นผู้นำอีกนั่นแหละ หาใครอื่นไม่ได้

การกู้รอบใหม่ ทำเอาสัดส่วนหนี้สินเขยิบเกือบแตะ 60 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีหรือศักยภาพของการหารายได้ของประเทศ เป็นภาระที่จะยังไม่ใช่การกู้ครั้งสุดท้าย มีเสียงเตือนจากนักการเงิน การคลังว่าเป็นการทำที่ไม่ถูกต้องตามหลักปฏิบัติทั่วไป

มีเสียงฝ่ายค้านไม่เอาด้วย 196 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 2 คน โดยไม่แจ้งเหตุชัด ถึงอย่างไรก็ขวางการสร้างหนี้ก้อนมหึมาต่อไปไม่ได้ นึกว่ายังดีที่ไม่ใช่ 7 แสนล้านอย่างที่วางแผนไว้ก่อน นั่นเป็นเพราะยังเกรงว่าหนี้จะทะลุเพดานเร็วเกินไป

รออีกไม่นาน ก็ย่อมได้ เพราะอย่างไรก็มีฝักถั่วรองรับเจตนารมณ์อยู่แล้ว!

แผนกู้เงินด้วยกระดาษเพียง 5 แผ่นอย่างที่ฝ่ายค้านว่าไม่ได้บอกรายละเอียดมากนัก แต่ที่ชัดคือโครงการอัดฉีดเยียวยา ตำน้ำพริกละลายไม่น้ำรอบใหม่ หลังจากถลุงไปแล้ว 1 ล้านล้านบาท ได้ประโยชน์หรือมรรคผลจับต้องให้หรือไม่ ไม่มีใครรู้

การกู้ที่ผ่านมา รัฐบาล 3 ลุงได้นำไปใช้เยียวยาผลกระทบจากปัญหาการระบาดของโควิด-19 ซึ่งสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง เหมือนในต่างประเทศ การใช้จ่ายผ่านโครงการประชานิยมเพื่อหวังให้ประชาชนอยู่รอดได้

การกู้ก่อนหน้านี้มีเพียงแต่คำอ้างว่าได้ใช้ประโยชน์คุ้ม แต่จะตกอยู่ในกระเป๋าใคร หรือสูญหายไปกับการดูดซับ หรือทอน ก็สุดแล้วแต่วาสนาชะตากรรมของบ้านเมือง ฝ่ายค้านอ้างว่าผลประโยชน์ตกอยู่กับกลุ่มธุรกิจมีเครือข่ายขนาดใหญ่

ต่อให้อภิปรายไปหลายวัน ฝ่ายค้านก็ไม่มีหนทางเอาชนะได้ ซ้ำร้ายอาจจะโดนโจมตีซ้ำว่าเป็นตัวขัดขวางผลประโยชน์ของประชาชนที่จะได้รับความช่วยเหลือ

แต่งบนี้จำเป็นสำหรับการหาเสียงก่อนการเลือกตั้งแน่นอน ไม่ได้บอกว่าเป็นการหว่านซื้อใจชาวบ้าน เจตนาแฝงเร้นไม่ต้องบอกให้รู้ ชาวบ้านคนรู้ทันเข้าใจ ยามนี้จำเป็นต้องหาเสบียงไว้ให้พร้อม เพราะจะหวังผลงานริบหรี่อย่างเดียวคงไม่ได้

นั่นเป็นเพราะช่วงการอภิปรายแผนกู้เงิน ฝ่ายค้านได้ถลุงรัฐบาลและคุณท่านผู้นำไม่ยั้งถึงความล้มเหลวซ้ำซากด้านต่างๆ ทำให้ท่านผู้นำเม้งแตกยิ่งกว่างิ้วพิโรธ ออกมาจากหลังฉากช่วงหัวค่ำก็ใส่ไม่ยั้ง ด้วยสำเนียงสุดห้าวมะนาวไม่มีน้ำ

คุณท่านยอมรับว่าทนไม่ได้หลังจากโดนเล่นงานตั้งแต่เช้า ขอเอาคืนบ้าง!

ช่วงนี้รัฐบาลอาจมีความมั่นใจเพิ่มว่าจะตีตื้นกระแสความนิยมหลังจากมีการนำเข้าวัคซีนต่อเนื่อง แม้จะกระท่อนกระแท่นฉุกละหุกบ้าง มีปัญหาเรื่องคิววีไอพีบ้าง แต่ก็เป็นปกติของงานบริหารที่มีปัญหาด้านประสิทธิภาพต่ำ ขั้นตอนมาก เรื่องเยอะ

ดังนั้น ความผยองลำพองในอำนาจที่อยู่มาได้ยาวนาน ไม่ถูกสั่นคลอนจึงถูกแสดงออก เต็มที่ ทั้งมั่นใจว่าพรรคร่วมต่างๆ ยังไม่อิ่มกับผลประโยชน์ที่มีเหลือเฟือ แม้จะโดนกั๊กบางเรื่อง จึงไม่มีวันที่จะแหกคอกออกไปได้ คงต้องกอดคอกันอยู่ต่อไป

ดังนั้น ความห้าวเป้ง ไม่ยี่หระกับฝ่ายค้าน จึงอยู่ในท่าทีลีลาของคุณท่านผู้นำ เมื่อโดนประท้วงว่าฝ่ายค้านตัวแทนประชาชนโดนหยามเกียรติ เหมือนโดนตบหัว ท่านผู้นำจึงยอมลูบหลัง กล่าวขออภัยแบบลอยๆ อย่างขอไปที ตีหัวเข้าบ้านสบายๆ

ที่แน่ชัดคือ ประเทศต้องแบกหนี้อีกก้อนใหญ่ ถ้ารวมกันแล้ว ไม่กู้เพิ่ม ต้องใช้เวลากว่า 80 ปี ถึงจะทยอยใช้ได้หมด นั่นหมายถึงว่าจะต้องไม่มีการกู้เพิ่มจากนี้ ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้ เพราะปีหน้างบประมาณต้องขาดดุลอีก ต้องกู้หนี้อีกบานทะโรค

รัฐบาล 3 ลุงจึงพร้อมที่จะยกระดับเพดานหนี้เงินกู้ให้คนไทยเป็นหนี้จนชั่วลูกชั่วหลาน คนกู้ตายไปนานแล้วคนรุ่นต่อไปยังต้องหาเงินใช้หนี้ไม่มีวันจบสิ้น การอยู่ต่อไปของ 3 ลุงจึงเป็นการบั่นทอนศักยภาพของประเทศในการหารายได้ใช้หนี้คืน

ดังนั้น คำประกาศว่ารัฐบาลจะมีเวลาอยู่อีก 1 ปีนั้น ถือเป็นคำเตือนกลายๆ ว่าพร้อมจะเข้าสู่ศึกเลือกตั้งวัดความนิยม ทั้งๆ ที่ยังมีเวลาอีก 1 ปี 9 เดือนก่อนหมดวาระ เท่ากับว่ามีความมั่นใจ หรือมีความจำเป็นว่าอยู่ต่อจะยาก ต้องวัดดวงไวๆ

ฝ่ายค้านรู้ทันว่าเงินกู้ 5 แสนล้านบาทคือกระสุนจำนวนมหาศาล ไม่มีใครเทียบเทียมได้ พร้อมจะยิงสลุตเอาความนิยมจากชาวบ้านซึ่งพร้อมจะรับมาตรการลดแลกแจกแถม เพราะความอดอยากจากปัญหาเศรษฐกิจตายซากเรื้อรัง

ทุกวันนี้ รัฐบาลมีผลงานอยู่ในระดับโหล่ยโท่ย มีเสียงก่นด่ารอบทิศ แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ บ่นไปก็เท่านั้น ไม่มีกลุ่มใดออกมาเดินขบวนขับไล่เพราะมีกฎหมายควบคุมและประกาศภาวะฉุกเฉินช่วยเหลือ กลุ่มม็อบ 3 นิ้วโดนคดีอาญาจนงอม

แต่ก็ยังเป็นโอกาสหายากของฝ่ายค้านที่ออกมาชำแหละรัฐบาล 3 ลุงในด้านความล้มเหลวเรื้อรัง ไร้การปฏิรูป มองไปข้างหน้าไม่เห็นอนาคตสดใส ซังกะตายอยู่

ยิ่งมีข่าวดรามาน้ำเน่าสุดขีดเรื่องลุงพลมาเป็นตัวช่วยอีกด้วย คงต้องลากยาวอีกเป็นปีๆ ว่าจะสิ้นสุด ต้องถือว่าคณะ 3 ลุงเหมือนมีบุญเก่าเหลืออีกเยอะ

วันอภิปรายเงินกู้ ดรามาน้ำเน่ายังโดนลากเข้าไปในอาคารรัฐสภา แย่งซีนเต็มที่ โดยมีนักเลือกตั้งน้ำเน่าประเภทหิวแสงเป็นตัวประกอบฉากกำกับด้วย ก็ทำให้ผู้สื่อข่าวได้อีกฉากดรามาไปตีข่าวโหมกระแส ทำเอาบ้านเมืองด้อยพัฒนาไปทันใด

ไม่ว่าจะเป็นการเมือง หรือดรามาชีวิตรันทดนอกสภา ดูแล้วก็เน่าพอๆ กัน