โมริคาวะฮือฮา!คว้าแชมป์ดิโอเพ่นครั้งแรกที่ลงแข่ง-โปรแจ๊สที่46ร่วม – สยามกีฬา

คอลลิน โมริคาวะ โปรหนุ่มจากสหรัฐอเมริกา สุดมีความสุขหลังสร้างประวัติศาสตร์ลงแข่งรายการ ดิ โอเพ่น แชมเปี้ยนชิพ ครั้งแรก ก็สามารถคว้าแชมป์มาครอบครองได้ทันที ที่สำคัญยังเป็นโปรอายุไม่เกิน 25 ปีที่ได้แชมป์ดิ โอเพ่น และ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ ต่อจาก “พญาเสือ” ไทเกอร์ วู้ดส์ ด้วย

    คอลลิน โมริคาวะ นักกอล์ฟหนุ่มดาวรุ่งชาวอเมริกัน ผงาดคว้าแชมป์กอล์ฟเมเจอร์รายการ ดิ โอเพ่น แชมเปี้ยนชิพ ครั้งที่ 149 ที่สนามรอยัล เซนต์ จอร์จส กอล์ฟ คลับ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พร้อมสร้างประวัติศาสตร์เป็นคนที่สองที่คว้าแชมป์ได้ทันทีทั้งๆ ที่ลงแข่งครั้งแรกเท่านั้น

    ก้านเหล็กวัย 24 ปี ทำผลงานได้อย่างสุดยอดในวันสุดท้ายด้วยการซัดไป 4 อันเดอร์พาร์ 66 ส่งผลให้สกอร์รวม 4 วันเก็บไป 15 อันเดอร์พาร์ 256 ผงาดคว้าแชมป์ไปครอบครอง โดยเป็นแชมป์ระดับเมเจอร์รายการที่สองของเขา หลังเคยคว้าแชมป์พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี 2020 

     โมริคาวะ ซึ่งเป็นนักกอล์ฟที่อายุไม่ถึง 25 ปีที่สามารถคว้าแชมป์ดิ โอเพ่น และ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ  ได้สำเร็จต่อจาก ไทเกอร์ วู้ดส์ ตำนานโปรชื่อก้องโลกเพื่อนร่วมชาติ เปิดใจว่า “ผมบอกกับทุกๆ คนว่าผมไม่ใช่คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ แต่ผมอยากสร้างประวัติศาสตร์ของผมเอง และทำให้มันเป็นความทรงจำของผม”

     “ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกี่ยวกับสัปดาห์นี้ซึ่งมันเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ แล้วก็ยังเป็นวันเกิดของแคดดี้ผมด้วย มันยิ่งพิเศษเข้าไปอีก ผมเชื่อมั่นในตัวผมนับตั้งแต่ที่ผมเทิร์นโปรว่าผมสามารถทำสิ่งนี้ได้ เมื่อเข้ามาร่วมทัวร์นาเมนต์เหล่านี้ ทั้งคอร์สและสไตล์ต่างๆ ผมไม่เคยเล่นเลย ผมทำการบ้านหนักมากตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพุธเพื่อจะได้รู้ว่าผมต้องทำอะไรบ้าง”

     นอกจากนี้ โมริคาวะ ซึ่งเป็นนักกอล์ฟคนแรกที่คว้าพีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ หลังจากที่ลงแข่งเปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมา สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งเมื่อลงเล่นศึก ดิ โอเพ่น ครั้งแรกและคว้าแชมป์ได้สำเร็จต่อจาก เบน เคอร์ติส ที่เคยทำได้ในสนามเดียวกันนี้เมื่อปี 2003 เปิดใจต่อไปว่า “ผมบอกกับตัวเองว่าผมต้องทำเบอร์ดี้ให้ได้ ต้องมีสมาธิในการตีแต่ละชอต”

     “ผมทุ่มเทกับการตีทุกชอต นั่นคือเป้าหมายของผมในทุกๆ วันมาตลอด ผมยึดมั่นในเรื่องนี้ ผมทำให้ตัวเองอยู่ในอันดับที่ดีช่วง 9 หลุมที่เหลือ แต่มันยังมีอีก 9 หลุุม และผมยังคงต้องพยายามทำผลงานให้ดีที่สุด” โมริคาวะ กล่าว

     ขณะที่อันดับ 2 ได้แก่ จอร์แดน สปีธ ก้านเหล็กเลือดมะกันที่เก็บสกอร์รวม 13 อันเดอร์พาร์ 267 สำหรับอันดับ 3 เป็นของ หลุยส์ อุสธุยเซ่น โปรชาวแอฟริกาใต้ และ จอน ราห์ม ยอดวงสวงจากแดนกระทิงดุ ที่ทำสกอร์รวมเท่ากัน 11 อันเดอร์พาร์ 269 

     สำหรับ “โปรแจ๊ส” อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ พยายามอย่างเต็มที่แล้วแต่สกอร์รวม 4 วันทำได้เพียงอีเวนพาร์ 280 เท่ากับ รอรี่ แม็คอิลรอย, จัสติน โรส, แฮร์ริส อิงแลนด์ และ โจแอล เดห์เมน คว้าอันดับ 46 ร่วม ส่วน ภูมิ ศักดิ์แสนศิลป์ อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของชาวไทย สกอร์รวมตีเกิน 8 โอเวอร์พาร์ 288 รั้งอันดับ 76 ร่วม