สำนักข่าว ฟ็อกซ์นิวส์ รายงานว่า เกิดเหตุยิงกันมากกว่า 400 ครั้งในสหรัฐฯ ในช่วง 72 ชั่วโมงนับตั้งแต่วันศุกร์ที่ 2 ก.ค. จนถึงวันอาทิตย์ที่ 4 ก.ค. 2564 ซึ่งตรงกับวันชาติสหรัฐฯ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 150 ศพ ในขณะที่เมืองใหญ่หลายแห่งทั่วประเทศกำลังหาทางรับมือเหตุความรุนแรงด้วยอาวุธปืนที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น
ตามการเปิดเผยของสำนักงานตำรวจนิวยอร์ก (NYPD) ในช่วงวันศุกร์ถึงวันเช้าวันจันทร์เกิดเหตุยิงกัน 29 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต 35 ราย ขณะที่เมื่อนับสถิติในวันที่ 4 ก.ค.เพียงวันเดียว เกิดเหตุยิงกัน 12 ครั้ง มีผู้เคราะห์ร้าย 13 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เกิดเหตุ 8 ครั้ง บาดเจ็บหรือเสียชีวิต 8 ราย
NYPD ระบุอีกว่า ตลอดช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา เหตุความรุนแรงด้วยอาวุธปืนในนิวยอร์กพุ่งขึ้นจากช่วงเดียวกันในปี 2563 เกือบ 40% โดยเกิดเหตุยิงกัน 767 ครั้งแล้ว และมีผู้เคราะห์ร้าย 885 ราย แต่พวกเขาไม่เปิดเผยว่า มีกี่เหตุการณ์ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต
ด้านสำนักงานตำรวจเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ เปิดเผยว่า เกิดเหตุยิงกันในเมืองถึง 69 ครั้งซึ่งส่งผลให้มีผู้ถูกยิงมากกว่า 100 ราย นับตั้งแต่ 18:00 น. วันศุกร์ถึง 6:00 น. วันจันทร์ ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 18 ศพ หนึ่งในนั้นเป็นทหารกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ มีเด็กหญิงอายุ 5 กับ 6 ขวบได้รับบาดเจ็บด้วย ขณะที่เกือบทุกเหตุการณ์ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้
ที่รัฐโอไฮโอ มีผู้ถูกยิง 11 รายภายในระยะเวลาเพียง 5 ชั่วโมงในคืนวันอาทิตย์จนถึงเช้าวันจันทร์ ในเมืองคลีฟแลนด์ ขณะที่ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ มีผู้ถูกยิงทั่วเมือง 17 ราย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนที่เมืองอาครอน มีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 2 ศพ
ที่รัฐจอร์เจีย ตำรวจกำลังตามล่าตัวผู้ต้องสงสัย ก่อเหตุยิงสังหารโปรกอล์ฟ ยูจีน ซิลเลอร์ ที่คลับแห่งหนึ่งในเมืองแอตแลนตา ขณะที่เขากำลังนั่งรถกระบะไปยังสนามกอล์ฟหลุมที่ 10 โดยพบอีก 2 ศพอยู่ภายในรถด้วย
ส่วนที่เมืองนอร์ฟอล์ค รัฐเวอร์จิเนีย เด็ก 4 คนถูกยิงในเหตุการณ์เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ โดยวัยรุ่นอายุ 15 ปีถูกจับกุมในฐานะผู้ต้องสงสัย ด้านผู้บาดเจ็บประกอบด้วย เด็กหญิงวัย 6 ขวบ บาดเจ็บสาหัสแต่ตอนนี้อาการทรงตัว, เด็กชายวัย 14 กับ 16 ปี และวัยรุ่นหญิงอายุ 16 ปี ซึ่งคาดว่าทั้งหมดจะหายดีจากอาการบาดเจ็บ