ลำพังเพียงแค่ช่วงระยะเวลาในการจัดการแข่งขันที่ต้องเลื่อนมาไกลถึงปลายปีก็ทำให้บรรยากาศของการแข่งขันกอล์ฟ 2020 มาสเตอร์ส ทัวร์นาเมนต์ หรือ ‘เดอะ มาสเตอร์ส’ ก็แตกต่างจากเดิมแล้ว
แต่เมื่อคิดถึงการแข่งขันรายการนี้ที่สนามออกัสตาโดยที่ไม่มีผู้ชมที่ตามมาร่วมลุ้นและเชียร์นักกอล์ฟในดวงใจของตัวเองเลยแม้แต่คนเดียว ทั้งๆ ที่ในยามปกติแล้วหนึ่งในตัวแปรที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการทำให้การแข่งขันเดอะ มาสเตอร์สมีเสน่ห์ไม่เหมือนกอล์ฟรายการใดคือเสียงเชียร์ของแฟนๆ สิ่งนี้ยิ่งทำให้สุดยอดรายการกอล์ฟในปีนี้ไม่เหมือนเดิม
สิ่งที่เหล่าโปรกอล์ฟจะได้ยินในการแข่งปีนี้มีเพียงแค่เสียงลมหายใจของเหล่าต้นไม้ในแต่ละหลุมเท่านั้น
สำหรับการแข่งขันในปีนี้จะเป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้จัดการแข่งขันขึ้นในเดือนเมษายน และยังเป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาตร์ด้วยที่ไม่มีการแข่งพาร์ 3 ในวันพุธ โดยบรรยากาศภายในสนามเองก็จะแตกต่างไปจากเดิม โดยเฉพาะต้นไม้บางต้นที่เคยเขียวชอุ่มในช่วงเดือนเมษายนใบก็อาจร่วงหล่น หรือบางต้นก็อาจจะมีการเปลี่ยนสีบ้างตามฤดูกาล
ไทเกอร์ วูดส์ กับบรรยากาศเดอะ มาสเตอร์ส ที่แตกต่างจากเดิมแม้กระทั่งเรื่องสีของใบไม้
ขณะที่การแข่งขันในสนามเอง ความคาดหวังก็เปลี่ยนแปลงไป เพราะปีนี้คนที่กลายเป็นจุดสนใจที่สุดไม่ใช่แชมป์เก่าเสือเฒ่าอย่าง ไทเกอร์ วูดส์ หรือ รอรี แม็คอิลรอย แล้ว
แต่เป็นโปรกอล์ฟผู้มาพร้อมกับแนวคิดและทฤษฎีการเล่นที่แตกต่างอย่าง ไบรสัน เดอชอมโบ ที่เป็นปรากฏการณ์ของวงการในช่วงเวลานี้
เดอชอมโบผู้ใช้เทคโนโลยีและความรู้ทางฟิสิกส์ในการประยุกต์วิธีการเล่นกอล์ฟรูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นคือตัวเก็งเต็งหนึ่ง ซึ่งตัวเขาเองก็หวังว่าการแข่งในบรรยากาศที่แตกต่างจะเป็นโอกาสสำหรับเขา
“ในปีนี้ทุกอย่างมันจะแตกต่างไป เพราะผมจะสามารถตีในไลน์ที่ผู้ชมเคยอยู่มาก่อน และผมรู้สึกว่ามันจะช่วยให้ผมได้เปรียบเพิ่มอีกนิดหน่อยในการตีไปในจุดเหล่านั้นโดยที่ไม่ต้องคิดถึงใครอีกเลย”
พละกำลังมหาศาลจากการทุ่มเทให้กับการเสริมสร้างกล้ามเนื้ออย่างหนักโดยเฉพาะในช่วงล็อกดาวน์ที่เขาเพิ่มกล้ามเนื้อขึ้นมาอีกกว่า 40 ปอนด์ จนทำให้กลายเป็นนักกอล์ฟที่มีรูปร่างกำยำที่สุด
สิ่งที่พยายามทำมานั้นทำให้เขาเพิ่งจะคว้าแชมป์ยูเอสโอเพ่นเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว และคราวนี้เขาคาดหวังอย่างมากกับมาสเตอร์ส ว่ากอล์ฟสไตล์นักวิทยาศาสตร์ของเขาจะพิชิตทั้งแชมป์และหัวใจของคนได้
“ผมคิดว่าทุกคนจะเริ่มได้เห็นไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ผมจะทำสิ่งนั้นหรือสิ่งไหน ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ตาม ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นเสมอ มันมีช่วงเวลาของความล้มเหลว แต่นั่นก็แปลว่าจะมีช่วงเวลาของความสำเร็จด้วยเช่นกัน
“แต่ผมจะล้มเหลวมากกว่าที่ผมประสบความสำเร็จ และผมคิดว่าทุกคนจะเริ่มเข้าใจว่าจริงๆ แล้วมันไม่ใช่แค่ว่าผมอยากจะทำตัวแปลกหรือพยายามทำทุกอย่างในแนวทางของผมเอง แต่มันเป็นเรื่องของกระบวนการในการที่จะทำทุกอย่างให้ดีขึ้นในทุกวัน
“นั่นคือสิ่งที่ผมหวังจะให้ทุกคนเข้าใจ มันไม่จำเป็นว่าผมจะต้องทำตัวแตกต่างหรือพยายามทำในสิ่งที่แตกต่าง แต่มันคือการที่ผมกำลังก้าวผ่านกระบวนการที่สุดท้ายมันจะบอกได้ว่าผมทำถูกหรือผิด ถ้าผมทำพลาดและมันไม่ประสบความสำเร็จ ผมก็จะพยายามใหม่และหาทางไปเรื่อยๆ”
ความพยายามนี้ทำให้แม้แต่พญาเสืออย่างวูดส์เองยอมรับในตัวของโปรกอล์ฟวัย 27 ปี โดยอดีตโปรอันดับ 1 ของโลกเห็นความพยายามของเดอชอมโบ และอดคิดถึงสมัยเก่าที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นโปรกอล์ฟอันดับ 1 ของโลกไม่ได้ “ในช่วงนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีที่จะมาช่วยปรับทีช็อตและไดรเวอร์
“แต่ตอนนี้เราสามารถที่จะปรับไม้ของเรา สามารถใช้ไดรเวอร์เป็นอาวุธในการที่จะตีแบบเบสิกๆ ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งในสมัยก่อนเราไม่มีเทคโนโลยีอะไรแบบนี้
“ไบรสันทุ่มเทเวลาของเขา เขาพยายามฝึกฝน สิ่งที่เขาทำในยิมมันน่าเหลือเชื่อ และสิ่งที่เขาทำร่วมกับทีมของเขาในการที่จะปรับไม้และเปลี่ยนแปลงการเล่นของเขาเพื่อให้สามารถตีลูกให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน”
สำหรับการแข่งขันในช่วงนี้ของปีนั้น แม้กระทั่งวูดส์เองก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องใหม่
“ผมเคยมาที่สนามแห่งนี้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงบ้างและเคยเล่นที่นี่อยู่ สนามก็เป็นแบบนี้แหละ แต่พวกเราไม่เคยมีใครที่ได้แข่งมาสเตอร์สในบรรยากาศแบบนี้ มันจะเป็นความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงสำหรับพวกเราทุกคน” วูดส์กล่าว
“ผมอาจจะไม่มีโอกาสที่จะคว้าเสื้อแจ็กเก็ตเขียวมาอีกครั้ง ดังนั้นมันจึงมีความหมายมากสำหรับผม”
รอรี แม็คอิลรอย เชื่อว่าความสนใจในตัวเดอชอมโบช่วยลดความกดดันของเขา
ขณะที่ รอรี แม็คอิลรอย กลับมองว่าความสนใจที่พุ่งไปที่เดอชอมโบเป็นข้อดี เพราะทำให้แรงกดดันสำหรับตัวเขาน้อยลง และเชื่อว่าโอกาสที่จะคว้าแชมป์ได้นั้นมันมีมากกว่าแค่เรื่องของการตีแรงตีไกลอย่างเดียว
“ผมชอบซ้อมของผมเงียบๆ แบบนี้ ผมไม่สนใจเรื่องความสนใจที่มีต่อเขาหรอก มันก็เป็นเรื่องดี ไบรสันอาจจะรู้สึกแตกต่างออกไป เพราะเขาเป็นที่สนใจ และเขาก็ควรได้รับความสนใจด้วยจากการที่ทลายกฎทุกอย่างที่มีในเกมกอล์ฟและสามารถคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ได้
“เขาตีได้ดีในยูเอสโอเพ่น แต่อย่างไรเสียมันต้องขึ้นอยู่กับด้านอื่นๆ ในการเล่นด้วย ถ้าแชมป์มันตัดสินกันที่ว่าจะตีไกลแค่ไหน ตีเร็วแค่ไหนแบบนั้นเราถึงค่อยมากังวล”
ใครจะได้เป็นเจ้าของ ‘กรีน แจ็กเก็ต’ ในมาสเตอร์สปีที่ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกเลย เราจะได้รู้กันในวันอาทิตย์นี้
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
เผยแพร่: 31 พ.ค. 256…
This website uses cookies.