ธุรกิจโรงรับจำนำอู้ฟู่ “อีซีมันนี่” ตั้งเป้าปี’63 โต 20% ปูพรมขยายสาขาเพิ่ม 10 แห่ง เผยคนไทยแห่จำนำ “แบรนด์เนม” เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ทองคำยังครองแชมป์รับจำนำมากสุด ชี้เคสสุดแปลกจำนำ “ถุงกอล์ฟยี่ห้อกุชชี่อายุ28ปี-หวีทองคำโบราณ-กล้องส่องพระทองคำ-เงินพดด้วง”
นายสิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตั้งธนสิน จำกัด ผู้ให้บริการโรงรับจำนำอีซี่มันนี่ เปิดเผยว่า ในปี 2563 นี้ บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตการรับจำนำอยู่ที่ 20% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยทุกปี โดยมองว่า แนวโน้มเศรษฐกิจยังคงขยายตัวอยู่ และยังคงมีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น
โดยในปีนี้บริษัทได้เตรียมงบราว 500 ล้านบาท เพื่อสาขาเพิ่มเติมอีก 10 สาขา เฉลี่ยงบลงทุน 40-50 ล้านบาทต่อสาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่ 50 สาขา ครอบคลุมใน 28 จังหวัดครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ได้แก่ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคใต้
ทั้งนี้ หากดูแนวโน้มการรับจำนำ จะพบว่าลูกค้าที่มีเงินเดือนประจำ จะมีการจำนำทรัพย์เพิ่มและลดลงไม่คงที่ หากช่วงไหนเศรษฐกิจฝืดเคือง โบนัสน้อย จะเห็นการไถ่ถอนน้อย และสินค้าหลุดจำนำค่อนข้างมาก และในช่วงเปิดเทอมยอดรับจำนำจะสูงกว่าปกคิ 40-50%
ขณะที่กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการรายย่อย ช่วงที่มีการจำนำมากไม่ได้สะท้อนว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่ต้องมองในแง่โอกาสในการทำธุรกิจ ที่ลูกค้าต้องการสภาพคล่องไปสต็อกสินค้า และมีลักษณะพิเศษ คือ ไม่ค่อยปล่อยให้สินค้าหลุดจำนำ แต่จะพยายามต่อดอกเบี้ย เพื่อขยายการจำนำออกไป
“สินค้าที่รับจำนำสัดส่วนมากสุด จะเป็น ทองคำ 70-80% เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง และลูกค้าก็สามารถซื้อเก็บสะสมได้ง่ายเมื่อมีเงินออม และสามารถจำนำได้รวดเร็วไม่เกิน 3 นาที ส่วนรองลงมาจะเป็น เพชร นาฬิกา ขณะที่ทรัพย์ที่มาแรง และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต จะเป็นพวกสินค้าแบรนด์เนมต่าง ๆ ส่วนทรัพย์สินที่ค่อนข้างแปลกที่มีการรับจำนำ น่าจะเป็นถุงกอล์ฟยี่ห้อกุชชี่อายุ 28 ปี กับพวกหวีทองคำโบราณ กล้องส่องพระทองคำ หรือเงินพดด้วง ส่วนสินค้าที่ไม่รับจำนำ จะเป็น ปืนและรถยนต์” นายสิทธิวิชญกล่าว
ส่วนสินทรัพย์หลุดจำนำ คาดว่าแนวโน้มปีนี้ จะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 5% สะท้อนว่าภาวะเศรษฐกิจยังไปได้ดี เพราะปกติถ้าในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว จะเห็นอัตราการหลุดจำนำอยู่ที่ 7%
ทั้งนี้ การรับจำนำของบริษัท จะมีระยะเวลารับจำนำ 4 เดือน และเพิ่มให้อีก 30 วัน รวมเป็น 5 เดือน คิดอัตราดอกเบี้ยเพดาน 1.25% ต่อเดือน ซึ่งลูกค้าสามารถต่อตั๋วได้ครั้งละ 5 เดือน โดยที่วงเงินจำนำหากเป็นลูกค้ามนุษย์เงินเดือนจะอยู่ที่ราว 2 หมื่นบาทต่อราย
“ธุรกิจโรงรับจำนำเหมือนน้ำมันหล่อลื่นให้กับระบบเศรษฐกิจ ช่วยด้านสภาพคล่อง ผมเชื่อว่าความต้องการสภาพคล่องระยะสั้นในระบบเศรษฐกิจยังมีอยู่ และยิ่งถ้าเศรษฐกิจขยายตัว ความต้องการสภาพคล่องก็มีมากขึ้น อันนี้คือโอกาสของธุรกิจโรงรับจำนำ” นายสิทธิวิชญกล่าว
ไม่พลาดข่าวสำคัญ เจาะลึกทุกประเด็น
เพิ่มเราเป็นเพื่อนทาง @prachachat