ศาลพิพากษาประหารชีวิตสถานเดียว ผอ.กอล์ฟ คดีชิงทองลพบุรียิงคนตาย 3 ศพบาดเจ็บ 4 ราย รวม 9 ข้อหา พร้อมชดใช้เหยื่อ 10 ราย ศาลพิเคราะห์ผิดจริง คำสารภาพไม่เป็นประโยชน์ จำนนต่อหลักฐาน ไม่ได้มอบตัว
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 27 ส.ค.63 ศาลอาญา ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาคดี หมายเลขดำ อ.409/63 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้องนายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ ผอ.กอล์ฟ อายุ 38 ปี อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธปืนและยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การชิงทรัพย์และหลบหนี, มีและใช้อาวุธปืนฯ อื่นๆ รวม 9 ข้อหา มีผู้เสียหายเข้าร่วมเป็นโจทก์ และเรียกค่าสินไหมทดแทนรวม 10 ราย
อัยการฟ้องว่า วันที่ 9 ม.ค.63 เวลากลางคืน จำเลยได้ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. ติดท่อเก็บเสียงบุกเข้าไปภายในร้านทองออโรร่า สาขาห้างสรรพสินค้า โรบินสัน จ.ลพบุรี แล้วยิงใส่จนทำให้ ด.ช.ภานุวิทธณ์ วงศ์อยู่ อายุ 2 ขวบ ถูกยิงที่ศีรษะ นายธีรฉัตร นิ่มมา ถูกยิงที่ใบหน้า น.ส.ธิดารัตน์ ทองทิพย์ ถูกยิงที่ท้อง รวมผู้เสียชีวิต 3 ราย และนางสุภาวดี ชุนสนิท ถูกยิงที่ท้อง นายประเสริฐ คงลี ถูกยิงที่หน้าอกขวา น.ส.เปมิกา กลิ่นดอกแก้ว ถูกยิงที่อก นายยุทธการ ชุนสนิท ถูกยิงที่หน้าอกรวม 4 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส นำส่ง รพ.พระนารายณ์มหาราช พร้อมนำของกลาง ทองคำรูปพรรณ 31 เส้น มูลค่าราว 650,515 บาท หลบหนีโดย ขี่จักรยานยนต์ฟีโน่ หลบหนีจากห้างไป
ต่อมาวันที่ 22 ม.ค.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมจำเลยได้ พร้อมสร้อยทองของกลาง จำเลยให้การรับสารภาพตลอดตามฟ้อง แต่เนื่องจากคดีมีโทษสูงถึงประหารชีวิต ศาลจึงต้องตั้งทนายให้จำเลย ทั้งนี้อัยการได้นำพยานบุคคลพยานวัตถุเข้าสืบหลายปากจำเลยไม่ต่อสู้คดี โดยราชทัณฑ์จะเบิกตัวจำเลยจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาถึงศาลอาญาถนนรัชดาภิเษกในเวลา 07.30 น. โดยมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา
ศาลพิพากษาว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีประจักษ์พยาน คือ น.ส.ธิดารัตน์ อินทอง ตนขายไอศกรีม นายประเสริฐ คงลี รปภ.ห้างโรบินสัน กับพยานอื่นรวม 4 ปาก เบิกความสอดคล้องกันว่า วันเกิดเหตุเวลา 21.00 น. มีชายชุดสวมโม่งดำเห็นลูกตาสวมเสื้อยืดแขนยาวยี่ห้อไนกี้ กางเกงขายาวลายพราง รองเท้าอาดิดาส เข้ามาทางประตูหน้าใช้ปืนพกกึ่งอัตโนมัติยิงผู้ตายทั้งสามกับผู้บาดเจ็บทั้ง 4 แล้วชิงเอาทอง โดยยืนที่ตู้แสดงสินค้าพยานที่เป็นพนักงานขายทองได้กดสัญญานแจ้งภัย จำเลยได้ข่มขู่ว่า ใครกดสัญญาณให้ออกมา เมื่อได้ทองแล้วก็หลบหนีไปทางประตู โดยมีภาพจากทีวีวงจรปิดบันทึกได้สอดคล้องกับประจักษ์พยาน
พยานซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ 5 นาย เบิกความว่า จากการตรวจที่เกิด ร่องรอยดีเอ็นเอ ภาพจากทีวีวงจรปิด พบว่า คนร้ายเป็นชายไทยสูง 170 ซม. ขากะเผลกคล้ายคนบาดเจ็บที่เข่า ใช้อาวุธปืนยี่ห้อซีแซด 75 ขนาด 9 มม. มีศูนย์หลังปิดตาย มีรู และลำกล้อง 6 ร่องเวียนขวา ใช้กระสุนรูเกอร์ยี่ห้อเอ็นอาร์ซี เป็นกระสุนสังหารหรือพาวเวอร์พอยซ์ มีตำหนิที่เหล็กคัดปลอก ที่ทำให้เกิดรอยตำหนิที่ หัวกระสุนและเกิดเศษกระสุน กับนกตีจานกระสุน ที่ทำให้เกิดตำหนิที่ปลอกกระสุน 13 ปลอกที่เก็บได้ เมื่อยิงแล้วจะเกิดเศษกระสุน ตามที่เก็บตัวอย่างมาได้ และพบว่าคนร้ายขี่จักรยานยนต์ยามาฮ่าฟีโน่ สีแดง ล้อดำ ติดสติกเกอร์ที่บังโคลน ทะเบียนบฉท 872ลพบุรี วิ่งมาจากทางหลวง 336 และวิ่งกลับไปยังถนนสายลพบุรี สิงห์บุรี
เจ้าพนักงานตำรวจออกสืบสวนที่มาของท่อเก็บเสียง ทราบว่ามาแหล่งผลิตในประเทศ จึงไปสืบสวนจากร้านขายอุปกรณ์ปืนทางอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่ง พบว่ามีนายนิรันดร์ สุขใส กับพวก เป็นคนขาย ให้การว่า จำเลยเป็นคนติดต่อของซื้อท่อเก็บเสียง ยี่ห้อเอชดับบลิวอาร์ ขนาดยาว 21 ซม.เมื่อซื้อแล้วก็ลองปืนที่หลังบ้าน จึงเก็บเศษกระสุน กับหัวกระสุนไปตรวจ พบว่าตรงกับหัวกระสุนเศษกระสุนที่ยึดได้ในที่เกิดเหตุ
การสืบสวนพบว่าปืนที่ใช้ยิงคือปืนซีแซด เอสอี01 เทคนิคเคิล ติดรางไฟฉาย ทะเบียน กท.5077 เป็นปืนของพ่อจำเลย ซึ่งได้รับอนุญาตให้มีปืน และพบว่า จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีและไม่ได้รับอนุญาตให้พกพา จึงไปยึดมาตรวจ พร้อมซองกระสุนสองอัน บิดาจำเลยให้การว่า วันเกิดเหตุจำเลยออกไปนอกบ้าน กลับมา 21.00 น.เศษ แล้วเอาปืนไปล้าง มีกระเป๋าบรรจุสิ่งของมาด้วย
ทางสืบสวนพบว่า จำเลยใช้รองเท้าอาดิดาส เบอร์ 45 ตรงกับรอยที่ตู้แสดงสินค้า เสื้อยืดยี่ห้อไนกี้ กางเกงลายพราง ก็เป็นใช้เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายคล้ายตัวการ์ตูนในเกมคอมพิวเตอร์ จำเลย เดินขากะเผลก เพราะบาดเจ็บตรงกับใบแพทย์ ใช้รถจักรยานยนต์ของพ่อตา กับใช้ปืนของบิดา และไม่อยู่บ้านในเวลาเกิดเหตุ ตำรวจจึงมุ่งไปที่จำเลย ซึ่งเป็น ผอ.โรงเรียน วัดโพธิ์ชัย สิงห์บุรี จึงนำตัวมาสอบสวน หลังจากขับรถเก๋งทะเบียน กต 8640 ลพบุรี ออกจากบ้าน และตรวจสอบการใช้โทรศัพท์พบว่าเคยไปที่ร้านทองออโรร่าที่เกิดเหตุ จำเลยให้การว่าวันรเกิดเหตุไปพบเพื่อน แต่ที่จริงไม่ได้ไป จำเลยกลับบ้านในเวลาใกล้เคียงเวลาเกิดเหตุ จำเลยมีหนี้สินจำนวนมากในสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ภรรยาจำเลยเองก็ยังสงสัยว่าจะเป็นคนร้าย เพราะเห็นภาพในท่าเดิน เป้ เครื่องแต่งกาย กระเป๋า ก็ตรงกับคนร้าย
จำเลยให้การรับสารภาพว่า จำเลยทำผิดจริง แต่ได้ยับยั้งกลับใจ ด้วยการพยายามยกเลิกแผนการแล้วย้อนกลับ แต่ทำไปเพราะความคิดชั่ววูบ ส่วนที่ยิงคนตายเพราะสำคัญผิดในข้อเท็จจริงว่าคนตายมีอาวุธ ตนบรรเทาผลร้ายโดยถอดเสื้อผ้าทิ้งเพื่อให้ตำรวจติดตามได้ และเป็นผู้เคยประกอบคุณงามความดี
ศาลพิเคราะห์ว่า ลักษณะจำเลย ร่องรอยต่างๆ อาวุธ ประกอบคำรับสารภาพ ฟังว่าจำเลยคือคนร้าย และคำรับสารภาพเกิดเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน และไม่เป็นประโยชน์ จำเลยไม่ได้มอบตัว ไม่ได้ลุแก่โทษ พฤติการณ์เป็นภัยร้ายแรง ขณะที่พยานหลักฐานโจทก์มั่นคง ฟังว่าจำเลยผิดตามฟ้อง ฐานฆ่าผู้อื่นโดยปกปิดการกระทำของตน ฆ่าเพื่อความสะดวกในการหลบหนี และฆ่าผู้อื่นโดยพลาด, ฐาน ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธ ใช้ยานพาหนะ เป็นเหตุให้ผูอื่นถึงแก่ความตาย ให้ประหารชีวิต ข้อหาพกพาอาวุธปืน ยิงอาวุธปืน ใช้อาวุธปืนของผู้อื่น เป็นความผิดลงโทษจำคุก 6 เดือนถึง 3 ปี ปรับ 1 พันบาท เมื่อลงโทษประหารชีวิตเป็นเป็นบทหนักแล้ว คงให้รับโทษประหารสถานเดียว
ส่วนค่าเสียหาย เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นละเมิดให้ผู้อื่นตายและบาดเต็บ ขาดไร้อุปการะ จึงให้ใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายทั้ง 10 ราย ตั้งแต่ 9 หมื่นบาทถึง 2.2 ล้านบาทแตกต่างกันไปพร้อมดอกเบี้ย
หลังฟังคำพิพากษา มารดาของ ผอ.กอล์ฟ ถึงกับร้องไห้ซบบิดา จำเลย ส่วนจำเลยลุกขึ้นไปก้มกราบผู้เสียหายทีละคน พูดว่าขอโทษครับ ผู้เสียหายก็รับไหว้โดยจำเลยมีนัยน์ตาแดงก่ำ และกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เสียใจกับสิ่งที่ทำไปและยอมรับในโทษที่ได้รับ.