หลังใช้เวลาผลักดันมาหลายปี ในที่สุดกระทรวงมหาดไทย ใกล้ได้ฤกษ์ตอกเสาเข็มโครงการ “ศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย” จะย้ายจากริมคลองหลอด ติดวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหารไปสร้างบนพื้นที่ใหม่ เนื้อที่กว่า 19 ไร่ ย่านคลองสาน ติดแม่น้ำเจ้าพระยา
สำหรับที่ทำการแห่งใหม่ ได้ “กรมโยธาธิการและผังเมือง” เป็นผู้ออกแบบรายละเอียดโครงการ ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2563
สถานะล่าสุด ได้รับจัดสรรงบประมาณ ได้ผู้รับเหมาก่อสร้างและได้รับอนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA)จากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ดีเดย์กันยายน 2564
ได้ฤกษ์ตอกเข็ม อีก 4 ปี สร้างเสร็จ
“สมคิด จันทมฤก” รองปลัดกระทรวงมหาดไทยด้านบริหาร เปิดเผยว่า โครงการศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่ได้รับอนุมัติรายงาน EIA แล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม และเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้เซ็นสัญญากับ บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ผู้รับเหมาก่อสร้าง
วงเงิน 5,574 ล้านบาทแล้วเช่นกัน
สำหรับการเดินหน้าก่อสร้าง เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมการส่งมอบพื้นที่ แผนการก่อสร้าง การจัดการจราจรระหว่างก่อสร้างให้เรียบร้อยก่อนอนุมัติให้ผู้รับเหมาเข้าพื้นที่และเริ่มนับหนึ่งสัญญา ซึ่งจะใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี
“จะให้เริ่มงานก่อสร้างเร็วที่สุด ก่อนวันที่ 30 กันยายนนี้ ให้ทันเบิกจ่ายงบประมาณปี 2564 ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณก่อสร้างไว้แล้ว ส่วนวงเงินที่เหลือจะกันไปใช้ในปีต่อๆ ไป โครงการนี้ได้รับอนุมัติงบประมาณผูกพันปี 2563-2568 แต่เมื่อปี 2563 ยังเริ่มงานไม่ได้ ทำให้ต้องขยายกรอบระยะเวลาการก่อสร้างเป็นปี 2564-2569”
ผุด‘ท่าเรือโดยสาร’
เพิ่มทางเลือกการเดินทาง ลดปัญหาจราจร
รองปลัดกระทรวงมหาดไทยกล่าวอีกว่า ปัจจุบันโครงการได้เคลียร์ปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่จะส่งผลต่อชาวบ้านที่อยู่โดยรอบแล้วตามที่ได้
จัดทำไว้ในรายงาน EIA และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไม่ได้ให้ทำข้อมูลเพิ่มเติมแต่อย่างใด จากก่อนหน้านี้ที่จะมีทำรายงาน EIA ประชาชนมีความกังวลเรื่องเสียงดัง และขนาดของอาคาร
ส่วนปัญหาการจราจร ทางกระทรวงได้หารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) แล้ว จากข้อกังวลหลังโครงการสร้างเสร็จเปิดใช้ ซึ่งมีข้าราชการย้ายไปอยู่ประมาณ 7,607 คน รวมถึงประชาชนที่มาติดต่องานราชการและศูนย์บริการ อาจจะทำให้เกิดปัญหาการจราจร จากการมีปริมาณรถเพิ่มขึ้น ขณะที่มีทางเข้าออกอยู่ทางเดียวคือถนนเจริญนคร ตามแผนจะเพิ่มทางออกอีกทางคือทางน้ำ โดยจะสร้างท่าเรือโดยสารรองรับการเดินทาง
“หลังจากนี้จะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม บริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา ยังมีเวลาที่จะดำเนินการ กว่าโครงการจะสร้างเสร็จใช้เวลาอีก 4 ปี จริงๆ กระทรวงก็อยากจะให้มีรถไฟฟ้าเหมือนกับสายสีทอง(กรุงธนบุรี-คลองสาน) เหมือนกัน จะทำให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น”
เนรมิตตึกสูง 6 อาคาร 6 โซน
พื้นที่ใช้สอยกว่า 2 แสนตารางเมตร
“รองปลัดสมคิด” อธิบายถึงผังแม่บทศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่ จะมีทั้งหมด 6 อาคาร 6 โซน สร้างเป็นอาคารสูง ตั้งแต่ 14-21 ชั้น พร้อมชั้นใต้ดิน 3 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ที่จอดรถ และอาคารจอดรถ รวมทั้งสิ้น 220,500 ตารางเมตร
การจัดสรรพื้นที่แบ่งเป็น “โซน A” กรมที่ดิน 1 อาคารสูง 19 ชั้น “โซน B” กรมการปกครอง 1 อาคาร สูง 21 ชั้น “โซน C” กรมการพัฒนาชุมชน 1 อาคาร สูง 15 ชั้น “โซน D” กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น 1 อาคารสูง 16 ชั้น “โซน E” กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 1 อาคารสูง 16 ชั้น และ “โซน F” สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานรัฐมนตรี 1 อาคารสูง 14 ชั้น และอาคารจอดรถสูง 8 ชั้น 1 อาคาร โดยอาคารที่จะสร้างจะถอยร่นจากแม่น้ำเจ้าพระยา 45 เมตร
ทุกตึกจะมีทางเชื่อมต่อกันบริเวณชั้น 1-5 ต่อเนื่องไปถึงพื้นที่เปิดโล่งริมน้ำ ด้านทิศเหนือเป็นห้องอาหารและห้องประชุมอเนกประสงค์ ด้านทิศใต้เป็นลานอเนกประสงค์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชั้นที่ 1 มีลักษณะเป็นโถงขนาดใหญ่ ชั้น 2-4 เป็นพื้นที่สำนักงาน และห้องประชุม ชั้น 5 เป็นพื้นที่นันทนาการ พื้นที่สีเขียว และตั้งแต่ชั้น 6 ขึ้นไปเป็นพื้นที่สำนักงาน
“ศูนย์ราชการแห่งใหม่ รองรับอัตรากำลังของทั้ง 7 หน่วยงาน รวมทั้งสิ้น 7,607 คน และสามารถกำหนดขนาดพื้นที่ใช้สอยตามกรอบอัตรากำลังในปัจจุบัน ในอนาคตจะนำที่ดินเนื้อที่ 3 งาน อยู่อีกฝั่งของถนนเจริญนคร สร้างอาคารที่พักอาศัยรองรับข้าราชการ”
ย้อนรอย คัดกี่พื้นที่ กี่ทำเล กว่าจะลงตัวที่‘ย่านคลองสาน’
จาก “แบบแปลน” ที่ยกร่างเป็นพิมพ์เขียว กำลังนำไปสู่การเริ่มต้นการก่อสร้างในเร็วๆ นี้ ซึ่งกว่า “กระทรวงมหาดไทย” จะลงหลักปักฐานที่ตั้งแห่งใหม่ บนที่ราชพัสดุ พื้นที่ 19 ไร่เศษ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา มีการขอใช้ที่ราชพัสดุอยู่หลายแปลง
ย้อนไปเมื่อปี 2560 มีที่ดินเรือนจำคลองเปรม ที่ดินคลอง 5 อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ที่ดินตำบลบางปิ้ง จังหวัดสมุทรปราการ ที่ดินย่านพระราม 9 ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
ในปี 2561 ทำหนังสือขอใช้ที่ดินสนามกอล์ฟชลประทาน 100 ไร่ ย่านปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
ในปี 2562 ทำหนังสือถึง “กรมธนารักษ์” ขอใช้พื้นที่ราชพัสดุ แปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.1989 แขวงบางลำพู เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่เดิมขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ และกรมธนารักษ์อนุญาตให้ใช้พื้นที่ในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน
และถึงแม้จะได้พื้นที่ก่อสร้างแล้ว ยังคงมีการตั้งคำถามถึงการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นหลังโครงการสร้างเสร็จ
จึงเป็นที่มาการตอบกระทู้เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 ของ “พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หลัง “เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคอนาคตใหม่ กรุงเทพมหานคร
ถามถึงความคืบหน้าแผนการก่อสร้างจะใช้เวลานานแค่ไหน การลดผลกระทบมลภาวะทางอากาศ เสียง การจราจร เนื่องจากอยู่ในพื้นที่เป็นเมืองเก่า สภาพแออัด หากสร้างแล้วจะเพิ่มปัญหาความแออัดมากขึ้น จะมีนโยบายเปลี่ยนไปสร้างในพื้นที่แห่งใหม่หรือไม่
“เจ้ากระทรวงคลองหลอด” ตอบชัด โครงการใช้เวลาสร้าง 4 ปี ในการดำเนินการ EIA จะครอบคลุมทุกด้าน รวมถึงผลกระทบการจราจร การออกแบบมีเตรียมแผนบรรเทาไว้แล้ว มีสร้างท่าเรือโดยสารเรือด่วน เรือข้ามฟาก มีรถรับส่งจากรถไฟฟ้าสายสีทอง และอาคารส่วนใหญ่จะใช้ระบบสำเร็จรูป จะช่วยลดมลภาวะทางอากาศจากการก่อสร้าง และเนื่องจากโครงการอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา การขนส่งดินออกจากโครงการสามารถขนส่งทางน้ำได้ ช่วยลดปัญหาด้านการจราจรและฝุ่นละอองได้ ส่วนการดำเนินการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ โครงการในที่ดินราชพัสดุแปลงอื่นก่อนหน้านี้หลายแห่ง แต่ละที่มีประเด็นปัญหาของแต่ละพื้นที่ เช่น ที่ดินย่านมีนบุรี ติดว่ามีโรงเรียนเอกชนและบ้านชาวบ้านกว่า 20 หลังคาเรือนอยู่ในพื้นที่
พร้อมย้ำว่า ที่ดินย่านคลองสาน มีความเหมาะสมเนื่องจากเป็นพื้นที่ว่างเปล่าอยู่ไม่ไกลจากกระทรวงมหาดไทยมากนัก และมีความสะดวกในการคมนาคม สามารถเข้าถึงโครงการได้ทั้งทางน้ำและทางบก และยังอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีทอง สามารถเดินทางไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ง่าย อาทิ สภาผู้แทนราษฎร กระทรวง และกรมต่างๆ
อนุรักษ์อาคารเก่า พิพิธภัณฑ์ ศูนย์เรียนรู้
หนุนท่องเที่ยวรอบกรุงรัตนโกสินทร์
หลังกระทรวงมหาดไทยขยับขยายย้ายไปอยู่ที่ใหม่ ยังคงมีประเด็นที่น่าสนใจอีกว่า แล้วพื้นที่เดิมจะพัฒนาอะไร
ต่อประเด็นนี้ “รองปลัดสมคิด” ระบุว่า พื้นที่กระทรวงมหาดไทยในปัจจุบันตั้งอยู่ถนนอัษฎางค์ อยู่ในพื้นที่รอบกรุงรัตนโกสินทร์ ประกอบกับพื้นที่เดิมมีความแออัด คับแคบ แม้ว่าจะมีบางกรมที่ไปเช่าพื้นที่ในศูนย์ราชการแจังวัฒนะและกระจายไปอยู่ในพื้นที่อื่นแล้วก็ตาม
สำหรับพื้นที่เดิมมีแนวคิดจะพัฒนาเป็นพื้นที่อนุรักษ์เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์และศูนย์เรียนรู้ ส่งเสริมการท่องเที่ยวด้านประวัติศาสตร์ โดยจะอนุรักษ์ศาลาว่าการเป็นอาคารเก่าแก่ไว้ อาจจะมีรื้อบางอาคารโดยรอบที่เป็นอาคารสูง เนื่องจากบดบังภูมิทัศน์ของวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
เป็นภาพการฟื้นฟูสภาพเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ส่งเสริมการท่องเที่ยวรอบกรุงรัตนโกสินทร์ ตามโรดแมปแผนผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันรัฐบาลได้ขยายพื้นที่จาก 3 บริเวณ เป็น 4 บริเวณ
ได้แก่ กรุงรัตนโกสินทร์ชั้นใน กรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก บริเวณฝั่งธนบุรีตรงข้ามกรุงรัตนโกสินทร์ และพื้นที่ต่อเนื่องกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก ครอบคลุมพื้นที่ 3,335.9 ไร่ ตั้งแต่แนวกึ่งกลางคลองรอบกรุง คลองบางลำพูและคลองโอ่งอ่าง แนวกึ่งกลางแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศเหนือและทิศใต้ และแนวคลองผดุงกรุงเกษมฝั่งตะวันออก ให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์
เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่ ทั้งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีม่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ และสายสีส้มบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี และการท่องเที่ยวของประเทศ
แม้วันนี้ “โควิด-19” ยังอยู่ แต่การพัฒนาก็ต้องเดินหน้าต่อ รอวันฟ้าเปิด หลังโควิดคลี่คลาย
ประเสริฐ จารึก