ญาติของเด็กน้อยวัย 12 ปี ที่ถูกฟ้าผ่าเสียชีวิตขณะเล่นฟุตบอลที่เคียนซา สุราษฎร์ธานี โดยคาดว่าสาเหตุมาจากหัวเข็มขัดนักเรียนที่เป็นโลหะ อาจเป็นฉนวนให้เกิดฟ้าผ่าได้ ด้าน นักวิชาการจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เผย ฟ้าผ่าไม่ได้เกิดจากโลหะสื่อล่อฟ้า พร้อมเผยวิธีเอาตัวรอดหากไม่มีที่หลบหรืออยู่กลางแจ้ง
จากกรณีเกิดเหตุสลดสำหรับผู้ปกครอง เมื่อมีเหตุฟ้าผ่าลงกลางสนามฟุตบอลที่เคียนซา สุราษฎร์ธานี จนทำให้มีเยาวชนเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 5 ราย สำหรับสาเหตุนั้นหนึ่งในเยาวชนที่รอดชีวิตเผยว่า ตนและเพื่อนๆ ได้มาเล่นฟุตบอลที่สนามหญ้าหน้าที่ว่าการอำเภอเป็นประจำทุกวัน ก่อนเกิดเหตุได้ไปรวมตัวกันเพื่อเล่นฟุตบอลเหมือนเคย แต่เกิดฝนตกหนัก จึงหยุดพัก และเมื่อฝนหยุดตก จึงพากันลงไปเล่นฟุตบอลต่อ จากนั้นจึงเกิดฟ้าผ่าลงมากลางสนามฟุตบอล เพื่อนๆ ที่เตะบอลกันอยู่ต่างล้มลงและไม่รู้สึกตัว จนถูกนำส่งโรงพยาบาลในที่สุด
อ่านข่าวประกอบ – อุทาหรณ์! เด็กเตะบอลโดนฟ้าผ่าเสียชีวิตที่สุราษฎร์ธานี
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ญาติของหนูน้อยวัย 12 ปี ที่เสียชีวิตจากเหตุฟ้าผ่า ได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุที่หนูน้อยรายนี้ถูกฟ้าผ่า คาดมาจากหัวเข็มขัดนักเรียนที่เป็นโลหะ เนื่องจากขณะที่เล่นฟุตบอลอยู่นั้นหนูน้อยรายนี้ไม่ได้เปลี่ยนเป็นชุดกีฬาเหมื่อกลุ่มเพื่อนๆ จึงอาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดฟ้าผ่าลงมาได้ อีกทั้งจากการตรวจสอบ พบว่ามีรอยไหม้ดำบริเวณหน้าท้องรอบเข็มขัด
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 62 เพจ “V.N. Steel Intertrade” ได้เคยออกมาระบุข้อความให้ความรู้เกี่ยวกับการเกิดฟ้าผ่า ไว้อย่างน่าสนใจ โดย ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิชาการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เผยว่า ฟ้าผ่า…ไม่ได้เกิดจากโลหะสื่อล่อฟ้า โดยมีการระบุข้อความว่า
“ท่านใดที่ชอบสาบานว่าขอให้ฟ้าผ่าตาย ก็อาจจะต้องระวังตัวกันเป็นพิเศษในช่วงฤดูฝน แต่ถ้าไม่เคยสาบานไว้ก็ไม่ควรประมาทเพราะว่าปรากฎการณ์ฟ้าผ่าเป็นปรากฎการณ์ที่น่ากลัวและมีอันตรายถึงกับทำให้เสียชีวิตได้ แต่ถ้าเรารู้ว่ากลไกการเกิดฟ้าผ่ามีกระบวนการอย่างไรก็จะรอดจากการถูกฟ้าผ่าได้
กลไกและกระบวนการเกิดฟ้าผ่า
ฟ้าผ่าเกิดจากเมฆชนิดหนึ่งเขาเรียกว่าเมฆฝนฟ้าคะนอง เมฆฝนฟ้าคะนองเป็นอย่างไร ให้เรานึกภาพตอนเกิดฝนฟ้าคะนองจะมีเมฆดำทะมึนก้อนใหญ่ มีฟ้าแลบแปล๊บๆ อยู่ข้างในมีฟ้าร้องครืนๆ ในเมฆฝนฟ้าคะนอง มีจุดน่าสนใจอยู่ตรงนี้ มันจะเกิดการแยกตัวของประจุบวกกับลบ ลองนึกถึงแบตเตอรี่ก้อนหนึ่งด้านบนจะเป็นบวก ด้านล่างจะเป็นลบ ตัวเมฆฝนฟ้าคะนองจะคล้ายๆ เหมือนกันด้านบนยอดเมฆสูงขึ้นไปประมาณ 10 กิโลเมตร จะมีประจุบวก ส่วนใหญ่ด้านล่างที่เรียกว่าฐานเมฆซึ่งจะอยู่ใกล้พื้นดินจะมีประจุเป็นลบ หัวใจอยู่ตรงนี้การที่ฐานเมฆมีประจุเป็นลบมันอยู่ใกล้พื้นดินมันจะเหนียวนำให้พื้นดินและสิ่งต่างๆ ที่อยู่แถวพื้นดินไม่ว่าจะเป็นหลังคาบ้าน ต้นไม้ คนหรือแม้แต่สัตว์ตรงนั้นมีประจุเป็นบวก ประจุจะเหนี่ยวนำกันได้ ทีนี้หัวใจของฟ้าผ่าคือฟ้าผ่าจะคล้ายๆ กับแบตเตอรี่ คือ ไฟฟ้าจะวิ่งมาขั้วบวกกับลบต่อกัน หมายความว่าถ้าฐานเมฆมีประจุเป็นลบแล้วที่พื้นดินจะมีประจุเป็นบวกฟ้าจะผ่าจากฐานเมฆมาที่พื้นดินได้ อันนี้เป็นแบบเบื้องต้นแบบหนึ่ง
ที่เชื่อกันมากๆ อย่างเช่น สวมสร้อยโลหะจะเสี่ยงต่อการถูกฟ้าผ่า เป็นความเชื่อที่คลาดเคลื่อนมากๆ เลย ถ้ามีความเชื่อแบบนี้โอกาสที่คุณจะถูกฟ้าผ่าก็มีแต่ถ้าคุณเชื่อแบบนี้แต่ว่าในตัวก็ไม่มีสร้อยที่เป็นโลหะ ไม่มีแว่นตาที่เป็นโลหะคงไม่เป็นไรที่เกิดขึ้นคือ ประการแรกคนไทยสับสนระหว่างคำสองคำ คำแรกคือตัวนำไฟฟ้าที่ดีคือโลหะอย่างลวดไฟฟ้าเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดี อันที่สองคือตัวล่อไฟฟ้า ตัวล่อฟ้าผ่าจะเห็นว่าตัวล่อฟ้าผ่าไม่จำเป็นต้องเป็นตัวนำ ลองนึกต้นไม้สูง ๆ อย่างต้นตาล ต้นมะพร้าวในกลางทุ่งพวกนี้จะถูกฟ้าผ่าได้โดยที่ต้นไม้ไม่จำเป็นต้องเป็นโลหะ เพราะฉะนั้นตัวที่ล่อฟ้าผ่าจำไว้เลยว่าตัวล่อฟ้าไม่จำเป็นต้องเป็นโลหะก็ถูกฟ้าผ่าได้ ต้นไม้ถูกฟ้าผ่าประจำเลยหรือว่ามีสัตว์อยู่ในทุ่งนาเป็นทุ่งโล่ง ๆ หรือว่าแถวชายหาดคุณไปยืนคนเดียวแล้วโล่งๆ คุณทำตัวสูงกว่าบริเวณรอบๆ
แม้ว่าตัวคุณจะไม่มีโลหะเช่นพวกสร้อยคอ พวกแหวนหรือว่าแว่นตาอะไรก็ตามที่โล่งแจ้งถ้ามีฝนฟ้าคะนองอยู่เหนือศีรษะอย่างที่เรียนให้ทราบว่าเมื่อมีฝนฟ้าคะนองที่ใต้ฐานเมฆเป็นลบมันจะเหนี่ยวนำพื้นให้เป็นบวกแล้วตัวคุณจะถูกเหนี่ยวนำให้เป็นบวกเหมือนกันเพราะฉะนั้นฟ้าก็จะผ่าจากลบที่เมฆมาเป็นบวกที่ตัวคุณ
ต้นไม้ต้นใหญ่ๆ ห้ามหลบเด็ดขาด ต้นไม้สูงๆ จะถูกเหนี่ยวนำให้มีประจุเป็นบวกโอกาสที่จะถูกฟ้าผ่ามีมาก ถ้าเป็นคนหรือสัตว์ หรือใครก็ตามไปอยู่ใกล้ต้นไม้แล้วบังเอิญโชคร้ายฟ้าผ่ามาที่ต้นไม้นั้นปั๊บกระแสไฟฟ้าจะวิ่งมาตามลำต้นแล้วจากลำต้นจะออกมาตามโคนต้นไม้แล้วมาเข้าสู่ตัวเราได้โดยการวิ่งมาตามพื้น
คำว่าถูกฟ้าฝ่าเป็นคำที่ใช้คลาดเคลื่อนคืออย่างนี้ครับ เวลาเราคิดว่าคนถูกฟ้าผ่าเรามักจะนึกภาพว่าคนๆ นั้น หรือสัตว์นั้นถูกฟ้าผ่าเปรี้ยง ๆ ลงมาที่ตัวคนหรือสัตว์เลยกรณีนี้เกิดน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเกิดฟ้าผ่าไปตรงใกล้ๆ จุดนั้น หลังจากนั้น กระแสไฟฟ้าจะวิ่งมาตามพื้นคืออย่างนี้ ปกติฟ้าผ่ามักจะมากับฝน ฝนจะทำให้พื้นดินเปียกแฉะซึ่งจะเป็นสื่อนำไฟฟ้าที่ดิน นึกถึงน้ำท่วมแล้วมีสาย ไฟรั่วอยู่แล้วสายไฟที่รั่วมันจมอยู่ในน้ำแล้วเดินย่ำน้ำไปโดยที่ไม่แตะสายไฟกระแสไฟฟ้าก็มาตามน้ำแล้วก็ดูดคุณได้ คล้ายๆ อย่างนั้น
ยกตัวอย่างอีกกรณีหนึ่ง อย่างวัวควายที่เสียชีวิตหรือเรียกวาตายกลางทุ่งนาจริงๆ แล้ว ตายพร้อมกันทีเดียวหลายตัวด้วยไม่ใช่ว่าฟ้าผ่าแล้วตายพร้อมๆ กันหลายตัวฟ้าผ่าลงมาอาจจะจุดเดียวแต่ว่ากระแสไฟฟ้าวิ่งไปตามพื้นแล้วก็ไปเข้าสองขาหน้าของวัวแล้วก็ผ่านลำตัววัวแล้วก็ออกสองขาหลังถ้าแบบนี้เราจะเห็นภาพเลยว่ามันอยู่ในวงจรไฟฟ้าคือว่าครบวงจรคือมีกระแสไฟฟ้าเข้าไปทั้งสองขาหน้าผ่านลำตัวแล้วออกสองขาหลังวัวก็ถูกฟ้าผ่าจะเรียกว่าวัวถูกไฟดูดก็ได้ เรียกให้แม่นยำในกรณีนี้คือถูกฟ้าผ่านั่นเอง
จริงๆ แล้วคนโบราณฉลาดฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ได้ เรามองขึ้นไปบนท้องฟ้า เอ๊ะ ก็ไม่มีเมฆนี่แต่ว่าเรามองไปข้างๆ มองไกลๆ ออกไปมีฝนฟ้าคะนองหรือมีฟ้าแลบแปล๊บๆ อยู่สิ่งที่เกิดขึ้นคือฟ้าผ่าแบบที่คนไทยไม่รู้จักมันจะผ่าจากยอดเมฆซึ่งมีประจุเป็นบวกลงมาสู่พื้นใต้ฐานเมฆคือแทนที่จะผ่าลงไปใต้ฐานเมฆแบบตรงๆ มันจะผ่าจากยอดเมฆออกไปไกลๆ เลย และทางที่มันผ่าได้10 กิโลเมตรถึง 16 กิโลเมตร หมายความว่าถ้าต่อให้คุณมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วไม่มีเมฆแต่ว่ามีเมฆอยู่ไกลๆ แล้วมันฮึ่มๆ อยู่คุณก็เสี่ยงที่จะถูกฟ้าผ่า พวกนักกอล์ฟและพวกทหารในต่างประเทศเขาเตือนกันมากมาย ผมเชื่อว่าทหารไทยก็รู้ด้วยเพียงแต่ว่าองค์ความรู้ของทหารไทยคิดว่ามันไม่ค่อยเกี่ยวกับเรื่องของคนไทยมั้งเอาเข้าจริงๆ คนไทยโดนอย่างเช่นพวกที่โดนในสนามกอล์ฟเราจะเห็นว่าแคดดี้หรือนักเล่นกอล์ฟเสียชีวิตกลางสนามกอล์ฟถูกฟ้าผ่าแล้วมักจะไปโทษว่าไม้กอล์ฟเป็นโลหะเป็นตัวล่อฟ้าผ่าซึ่งไม่จริง เลยขอแก้ไขตรงนี้ประเด็นอยู่ที่ว่าเขาไปอยู่ในสนามกอล์ฟตรงที่โล่งแล้วเขาเปิดโอกาสให้ถูกเหนี่ยวนำโดยเมฆถ้าอยู่ในสนามให้หาที่หลบถ้าหลบไม่ได้ให้ทำตัวอย่างไร ถ้ายืนอยู่ไม่ดีแน่เพราะว่าคุณทำตัวสูง ศีรษะคุณจะอยู่สูงจากพื้นมากๆ อันนี้ไม่ได้บางคนบอกว่านอนราบลงไปได้ไหม นอนราบเป็นความเชื่อที่เคยสอนกันมานานแล้ว แต่ตอนหลังสิบกว่าปีมาแก้แล้วนอนราบไม่ได้เพราะ ถ้าคุณนอนราบบังเอิญฟ้าผ่าใกล้ๆ กับที่คุณนอนราบลงไปเวลานอนราบคนเราจะมีจุด 2 จุด ที่แตะพื้นอาจจะเป็นข้อศอกของคุณหรือหัวเข่าของคุณ ฟ้าผ่าสามารถวิ่งเข้าจุดหนึ่งอาจจะเป็นข้อศอกผ่านลำตัวคุณแล้วออกตรงหัวเข่าอย่างนี้เสร็จเลยถูกฟ้าผ่าไม่ใช่เรื่องเล่น ระหว่างข้อศอกกับหัวเข่าความต่างศักย์เป็นพันหมื่นโวลท์ก็คือถูกไฟดูดอาจจะเสียชีวิตได้
สิ่งที่แนะนำถ้าหาที่หลบไม่ได้จริงๆ ให้เอาเท้าชิดกันก่อนคือทำให้จุดอยู่ใกล้กันที่สุดย่อตัวลงไปนั่งคุดคู้ลองนึกภาพ คือเอาเท้าซ้ายชิดเท้าขวาสองเท้าชิดกันแล้วนั่งย่อตัวลงไปให้ต่ำที่สุดแล้วก้มหัวเกือบๆ จะหมอบอย่างนั้น”
เผยแพร่: 31 พ.ค. 256…
This website uses cookies.