'คิง เพาเวอร์' อวดโฉมคอลเลกชั่น 'ไทยทรงดำ' พาชม 'ซีเกรฟ' สนามฝึกซ้อมใหม่เลสเตอร์ ซิตี | เดลินิวส์

เมื่อวันที่ 10 ก.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น) กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำคณะสื่อมวลชนจากประเทศไทย เข้าชมสนามฝึกซ้อมสโมสรเลสเตอร์ ซิตี แห่งใหม่ ชื่อ “ซีเกรฟ”  เมืองเลสเตอร์ สหราชอาณาจักร โดยมี คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ให้การต้อนรับ

สนามฝึกซ้อมสโมสรเลสเตอร์ ซิตีแห่งใหม่ ‘ซีเกรฟ’ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเลสเตอร์เชียร์ เริ่มก่อสร้างขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2019 (พ.ศ. 2562) ซึ่งเดิมเป็นที่ตั้งของสนามกอล์ฟพาร์ค ฮิลล์ นับเป็นการลงทุนครั้งสำคัญของสโมสรฯ และครอบครัวศรีวัฒนประภา ตั้งแต่เข้าซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี เมื่อปี 2010 (พ.ศ. 2553) นับเป็นสนามฝึกซ้อมระดับเวิลด์คลาส และศูนย์กีฬาที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกบนพื้นที่กว่า 180 เอเคอร์ หรือ 455 ไร่ ทั้งนี้ สโมสรฯ ได้ย้ายไปสนามฝึกซ้อมแห่งใหม่ในช่วงปลายเดือนธันวาคม ปี 2020 (พ.ศ. 2563) เป็นต้นมา

สนามฝึกซ้อมแห่งใหม่นี้ ประกอบไปด้วย

1. อาคาร วิชัย ศรีวัฒนประภา เป็นศูนย์กลางหลักของศูนย์ฝึกซ้อม ซึ่งตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติให้กับอดีตประธานสโมสรฯ ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่สุดของสโมสรฯ ถือเป็นวิสัยทัศน์ที่สำคัญของคุณวิชัย ที่มีต่อสโมสร ซึ่งปัจจุบันได้รับ การสานต่อโดยคุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ภายในอาคารมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันสำหรับทีมฟุตบอลชาย สำนักงาน ที่พัก ห้องอาหาร และห้องสันทนาการของทีมชุดใหญ่ มีระเบียงที่มองเห็นวิวที่สวยงามของสนามฝึกซ้อมของทีมชุดใหญ่

2. คิง เพาเวอร์ เซ็นเตอร์ ศูนย์ที่มีสถาปัตยกรรมรูปโดมที่โดดเด่นตัดกับภูมิทัศน์ที่สวยงาม พร้อมสนามหญ้าเทียมในอาคาร รวมถึงศูนย์อำนวยการสื่อมวลชน ห้องแถลงข่าว ห้องถ่ายทอดสด และพื้นที่สันทนาการ

3.สนามแข่ง 1 สนามแข่งขันย่อยที่จุผู้ชมได้ถึง 499 ที่นั่ง ใช้สำหรับการแข่งขัน เอฟเอ ยูธ คัพ และพรีเมียร์ลีก 2

4.สนามฝึกซ้อม 21 สนาม แบ่งเป็นสนามฟุตบอลขนาดมาตรฐาน 14 สนาม

5.สนามกอล์ฟส่วนตัว แบบ 9 หลุม

6.ระบบวิทยาศาสตร์การกีฬาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย

7.ศูนย์ฟิตเนสและระบบวารีบำบัดเพื่อฟื้นฟูร่างกาย (Hydrotherapy)

8.สปอร์ต เทิร์ฟ อะคาเดมี่ (Sports Turf Academy: STA) ศูนย์วิจัย และศูนย์การเรียนรู้ เพื่อศึกษาและพัฒนานวัตกรรมการจัดการสนามหญ้าสำหรับการแข่งขัน สำหรับทีมงานมืออาชีพ และผู้เชี่ยวชาญด้านพื้นที่สนามกีฬาจากทั่วโลก

สนามฝึกซ้อมของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี แห่งใหม่ “ซีเกรฟ” เป็นบ้านหลังใหม่ของนักเตะทีมชาย รวมถึงฟุตบอลอะคาเดมี่ ส่วนสนามซ้อมเดิมที่ บีเวอร์ ไดรฟ์ ซึ่งเคยเป็นสนามฝึกซ้อมของสโมสรฯ มาเกือบ 60 ปี ปัจจุบัน เป็นบ้านของทีมฟุตบอลหญิง เลสเตอร์ ซิตี

พร้อมกันนี้ คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ภายใต้โครงการเพื่อสังคม “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” ร่วมกับแบรนด์ LCFC หรือเลสเตอร์ ซิตี ฟุตบอล คลับ อวดโฉมคอลเลกชั่นของที่ระลึกใหม่ล่าสุด LCFC x Community Power ภายใต้ชื่อ THAI SONG DUM (ไทยทรงดำ) ชูความคิดสร้างสรรค์ และความงดงามของสินค้าชุมชนภาคกลางที่รังสรรค์จากภูมิปัญญาคนไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับสากล

สำหรับคอลเลกชั่นนี้จะเป็น Collaboration ระหว่างผ้าฝ้ายธรรมชาติทอมือด้วยกี่พุ่งแบบโบราณของชาวชุมชนไทยทรงดำ บ้านดอนมะนาว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี กับสปอร์ตลุคของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี นำเสนองานแฟชั่นสปอร์ตแวร์ที่ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน พร้อมบอกเล่าเรื่องราวเชิงประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมการแต่งกายของชาวไทยทรงดำที่สืบทอดกันมานับร้อยปีผ่านคัทติ้งสไตล์โมเดิร์นที่มีเอกลักษณ์ทุกชิ้น พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ณ Foxes Fanstore เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ, Shop.lcfc.com, ร้าน LCFC ที่คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา และออนไลน์ที่ www.kingpower.com และ Facebook : Leicestershop_th

คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า คิง เพาเวอร์ บริษัทของคนไทยมุ่งมั่นดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย โดยส่งเสริม และสนับสนุนศักยภาพของคนไทยให้ก้าวไกลสู่เวทีโลก ขับเคลื่อนประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านกิจกรรม 3 ด้านหลัก ได้แก่ SPORT POWER  (ด้านกีฬา) MUSIC POWER (ด้านดนตรี) และ COMMUNITY POWER (ด้านชุมชน) อันนำไปสู่การดำเนินโครงการเพื่อสังคมตั้งแต่ระดับบุคคล ชุมชน ประเทศชาติ ไปจนถึงระดับสากล ในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมในด้าน Community Power ที่เห็นความสำคัญของสินค้าไทย และต้องการที่จะสนับสนุนความสามารถของคนไทยให้เป็นที่ประจักษ์กับชาวต่างชาติ ตลอดจนสืบสานวิถีชีวิต และอนุรักษ์ภูมิปัญญาชาวบ้านในภูมิภาคต่างๆ ให้คงอยู่อย่างยั่งยืน

LCFC x COMMUNITY POWER ภายใต้ชื่อคอลเลกชั่น ‘THAI SONG DUM’ (ไทยทรงดำ) เป็นการพัฒนาสินค้าระหว่างบริษัท MULTIPLY BY EIGHT ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการด้านออกแบบชั้นนำ ในกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมกับชาวบ้านชุมชนไทยทรงดำ บ้านดอนมะนาว จ.สุพรรณบุรี เป็นระยะเวลาร่วมปีกว่า โดยทีมคิง เพาเวอร์ และ LCFC ได้ลงพื้นที่เข้าไปศึกษาเรียนรู้รายละเอียดต่าง ๆ กับชุมชน เพื่อประยุกต์ให้เข้ากับสินค้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี ได้อย่างลงตัว ต่อยอดพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ตลาดต่างประเทศ และเป็นช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก

โดยมีทั้งเสื้อกีฬา และไอเทมต่างๆ ที่มาในโทนสีเอกลักษณ์ของคิง เพาเวอร์ และ LCFC นั่นคือ สีคราม สีน้ำเงิน และสีดำ โดยมีลายหน้าจิ้งจอก และโลโก้สโมสร อันเป็นซิกเนเจอร์ของ LCFC มาปรากฎด้วย เนื้อผ้าละเอียด นุ่ม สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อับชื้น ดูนำสมัย และสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยสินค้า 7 ประเภท ได้แก่ เสื้อยืดปักมือ, เสื้อยืดย้อมฮ่อม รุ่น Limited Edition, แจ็กเก็ตสไตล์มินิมอล รุ่น Limited Edition เพียง 200 ตัวในโลก, กระเป๋าคาดเอว, หมวกแก๊ปผ้าฝ้ายทอมือย้อมคราม,พวงกุญแจนำโชค และลูกบอลผ้าฝ้ายทอมือย้อมคราม

นางขวัญยืน ทองดอนจุย ทายาทรุ่นที่ 5 เเละประธานกลุ่มทอผ้าไทยทรงดำบ้านดอนมะนาว กล่าวว่า ผ้าทอของชาวชุมชนไทยทรงดำ หรือลาวโซ่ง ต.ดอนมะนาว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี สืบสานองค์ความรู้มาจากบรรพบุรุษชาวเมืองแถงเคียนเบียนฟู ประเทศเวียดนาม ที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในประเทศไทยในสมัยธนบุรี รัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 3 ที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี พอมาสมัยรัชกาลที่ 5 ส่วนหนึ่งอพยพไปตั้งถิ่นฐานที่จังหวัดอื่นๆ อาทิ ราชบุรี นครปฐม นครสวรรค์ พิจิตร สุโขทัย สุพรรณบุรี เป็นต้น โดยชาวไทยทรงดำใน จ. สุพรรณบุรี ได้ย้ายมาอาศัยที่บ้านดอนมะนาวเมื่อราวปี พ.ศ. 2443 วันนี้ก็มีอายุกว่าร้อยปีแล้ว และยังคงนำภูมิปัญญาด้านทอผ้า ย้อมผ้า มาใช้เพื่อทำเครื่องแต่งกายให้คนในครอบครัวตามเอกลักษณ์ของชนเผ่าจวบจนปัจจุบัน

นางขวัญยืน กล่าวด้วยว่า ในฐานะตัวแทนของชาวชุมชนไทยทรงดำ บ้านดอนมะนาว สมาชิกในกลุ่มและเครือข่าย รู้สึกปลื้มใจ และภาคภูมิใจ ที่ได้มีส่วนร่วมในการแสดงฝีมือ และภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าของชาวไทยทรงดำในคอลเลกชั่นนี้ของคิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย จนได้ส่งออกไปจำหน่ายในระดับโลก ชาวบ้านดอนมะนาวทุกคนตั้งใจทำงานนี้อย่างสุดฝีมือ ใส่ใจ และความรักไปในผลงานทุกชิ้น เพื่อให้ลวดลายไทยบนทุกชิ้นงาน ได้สะท้อนและเผยแพร่ความงดงามของงานฝีมือไทยทรงดำไปให้คนทั่วโลกได้ประจักษ์

สำหรับ ผ้าทอดอนมะนาว เป็นผ้าทอมือจากฝ้ายแท้ ทอด้วยกี่พุ่งแบบโบราณ หรือกี่กระตุก ย้อมด้วยสีธรรมชาติ มีสีพื้นเป็นสีดำ หรือสีคราม (ย้อมเย็น) และเปลือกไม้ต่างๆ หรือย้อมนิล (ย้อมร้อน) ซึ่งเป็นกระบวนการย้อมธรรมชาติ เหตุที่ผ้าของชาวไทยทรงดำต้องเป็นสีดำหรือสีคราม เนื่องจากชาวไทยทรงดำส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการเกษตร มีวัฒนธรรมการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เสื้อผ้าที่สวมใส่ และผ้าคลุมไหล่ ส่วนใหญ่จะมีสีดำเป็นสีพื้น เพื่อสอดคล้องกับวิถีชีวิตของเกษตรกร

“เราอยากเป็นมากกว่าคู่ค้า แต่เป็นคู่คิด ที่ร่วมทำงานกับชุมชน และพันธมิตรต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันพัฒนาสินค้าไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างให้ชุมชนเติบโตอย่างเข้มแข็ง และนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในที่สุด’’ คุณอัยยวัฒน์ กล่าวสรุป

ทั้งนี้ ในหลายปีที่ผ่านมานั้น ได้เคยนำเสนอสินค้าจากหลากหลายภาค ทั้งบ้านนาขาม จ.สกลนคร (ภาคอีสาน), ชุมชนทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน และกลุ่มทอผ้าตีนจกไทย อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ (ภาคเหนือ) และชุมชนบ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช (ภาคใต้) และล่าสุดในปีนี้ กับ LCFC x Community Power คอลเลกชั่น THAI SONG DUM (ไทยทรงดำ) ที่สะท้อนเรื่องราว และปรัชญาการดำรงชีวิตของชุมชนไทยทรงดำในภาคกลาง