“บุคคลแนวหน้า ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา www.naewna.com” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม ย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้างให้ทันเล่ห์จำอวดบนหลังคารถนักเลือกตั้งชังชาติ สัมภเวสี ส่ำสัตว์ติ่งสัมภเวสีอย่างเท่าทันแบบเท่าเทียม”…
nn ความจริงที่หลายคนรับไม่ได้ แล้วแก้ขวยด้วยการวิพากษ์วิจารณ์สาดโคลนโยนขี้ใส่ กับกรณี “จอมหลักการ-ชวน หลีกภัย” ลูกแม่ถ้วนแม่ค้าขายแกงไตปลาเมืองตรังที่ตัดสินใจให้ทนายความส่วนตัว “ราเมศ รัตนะเชวง” ติดต่อสำนักงานอัยการเพื่อรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาและให้อัยการฟ้องคดีตามที่อัยการได้พิจารณาสั่งฟ้องคดีที่ “สัมภเวสีแดนไกล-ทักษิณ ชินวัตร” มอบอำนาจให้ทนายฟ้องดำเนินคดี “นายชวน หลีกภัย” ข้อหาหมิ่นประมาท และผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2555 ซึ่งครั้งนั้น “ประธานรัฐสภา” ได้ปราศรัยถึงนโยบายสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความผิดพลาดจนกลายเป็นปัญหามาตลอด ซึ่งเวลานั้น “ทักษิณ ชินวัตร” ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คดีนี้พนักงานสอบสวนสน.พระยาไกร สรุปสำนวนคดีมีความเห็นส่งอัยการฟ้องความผิดฐานหมิ่นประมาท แต่ไม่ฟ้องคดีผิดพ.ร.บ.คอมพ์…
nn หลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหา อัยการส่งฟ้องศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลนัดพร้อมตรวจพยานหลักฐาน วันที่ 16 มกราคม 2566 โดยเป็นการรับทราบข้อกล่าวหาก่อนคดีหมดอายุความ แค่ 3 วัน ทำให้มีเสียงชื่นชมหลักการ “ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียม” … ทว่ามี xญไรบางกลุ่มบางพวกกลับใส่ร้ายป้ายสีว่าสร้างภาพ ทั้งยังกล่าวหาเลื่อนลอยไปด้วยว่าที่เข้ารายงานตัวเพราะมี “หมายจับ” คงมโนไปว่า “สันดาน” คงเหมือนนายใหญ่โจทก์ในคดีที่หนีหัวซุกหัวซุนในคดีที่ถูกฟ้องทุจริตคอร์รัปชั่นแต่สร้างภาพสำรอกสำรากเรียกร้อง “ความเป็นสุภาพบุรุษ” ผ่าน “คลับเฮ้าส์” ช่องทางมอมเมาผู้สมรู้ร่วมคิดกับ “ระบอบทักษิณ” คดีนี้สาระสำคัญคือต้องการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ให้หมดอายุความอย่าง “โจรทั่วไปกระทำ” ผลก็คือ ฝ่ายตรงข้ามต้องการดิสเครดิต “ชวน หลีกภัย” ให้มีภาพลักษณ์เหนือประชาชนคนธรรมดาในเรื่องคดีความและป้ายสีเรื่องหมายจับเพื่อให้ใกล้เคียงหรือคล้ายโจทก์ที่เคยดำเนินการจนต้องหนีไปเห่าหอนอยู่ต่างประเทศปล่อยข่าวเท็จเยี่ยงนี้…
nn จากนี้เป็นไปได้ “ทีมไทยแลนด์” ควรผนึกกำลังส่งกำลังใจและเป็นอณูแห่งการ “พลิกโฉมประเทศไทย ก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน” ตามประกาศของ “ลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีผู้ถูกกล่าวหาอย่าง“คนใจบอดไร้สามัญสำนึก” จาก “นักการเมืองนักเลือกตั้งชังชาติ ส่ำสัตว์ติ่งสัมภเวสี” ว่าบริหารประเทศมา 8 ปี ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นผลงานสักชิ้น “ไม้หน้าสาม”นึกถึงพระราชดำรัสของ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” เรื่อง “ความเจริญของชาติ” เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2513 ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ความว่า “ความเจริญของประเทศชาติ เป็นความเจริญส่วนรวม ซึ่งเกิดจากผลงานหรือผลของการกระทำของคนทั้งชาติ ถือได้ว่าทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำประโยชน์ให้แก่ชาติตามความถนัดและความสามารถ และเกื้อกูลกันและกัน ไม่มีผู้ใดจะอยู่ได้และทำงานให้แก่ประเทศชาติได้โดยลำพังตนเอง” นี่แหละหนา “มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ” เสียดาย “ภูมิธรรม เวชยชัย” สู้อุตส่าห์เป็นบัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็น “สิงห์ดำ” ที่มีที่มาที่ไปและความหมายว่า“การเป็นนักปกครองจะต้องเสียสละเพื่อมวลชน” กลับไม่สำเหนียกจดจำพระราชดำรัสบทนี้ใส่เกล้าฯแม้แต่น้อยหรือแม้แต่จะกระทำตัวตนให้เป็นสิงห์ดำที่น่ายกย่องไม่…
nn เพียงแค่ “ลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี แสดงปาฐกถาพิเศษ ในงาน “Mission to Transform : 13 หมุดหมายพลิกโฉมประเทศไทย” ซึ่ง “สภาพัฒน์” ระดมสมอง ยกร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 13 สรุปสั้นๆ ประโยคหนึ่งความว่า“ผมจะทำให้ระบบขนส่งมวลชนทางรางในเมืองของกรุงเทพมหานคร อยู่ในระดับเดียวกับที่โตเกียว และใกล้เคียงกับที่ลอนดอน” เพียงเท่านี้ส่ำสัตว์ติ่งสัมภเวสีนักการเมืองชังชาติสื่อปีศาจจิตวิปริตบางคนและฝ่ายตรงข้ามก็ดาหน้ามาประณามว่า “เพ้อเจ้อ” อย่างน่าสมเพชและสังเวชกันเสียแล้ว นี่ถ้ายกกรณีนี้แค่คิดดังๆวางแผนให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองพัฒนาทัดเทียมอารยประเทศก็ประณามดั่งนี้ และกรณีที่นักธุรกิจการเมืองอย่าง “สัมภเวสี-ทักษิณชินวัตร” เมื่อครั้งลงสนามเลือกตั้งในฐานะเจ้าของคอกสัตว์เลี้ยง “ไทยรักไทย” ประกาศแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครภายใน 6 เดือน อย่างนั้นต้องเรียกว่า“ตอแหล” ใช่หรือไม่ ดังนั้นสิ่งที่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” คิดกรณีนโยบายของรัฐบาลให้ต่างชาติถือครองที่ดินได้คนละ 1 ไร่ ภายใต้เงื่อนไขหลายอย่างเรียกการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่หากเป็น “ทักษิณ ชินวัตร” คิดเรียกว่า “ขายชาติ”ที่ว่า “ถ้าทักษิณคิดน่ะ ขายชาติ แต่ถ้าตู่คิดคือกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่เป็นไรเป็นเรื่องของสลิ่ม ผมชอบลอดช่องผมไม่ใช่สลิ่ม” คงไม่ต้องอธิบายให้มากความเจ็บคอเปล่า เพราะกำพืดล้วนๆ ตั้งแต่ความเป็น “อั้งยี่” จนเป็นผู้ต้องคำพิพากษา ทุกอย่างบ่งบอกข้อเท็จจริงหมดแล้ว…
nn เป็นเรื่องน่ายินดีและน่าชื่นชมจนจุกอก เมื่อ “บัวขาว บัญชาเมฆ” นักชกผู้ยิ่งใหญ่ในศิลปะมวยไทย ขึ้นเวทีเพื่อชำระแค้นที่ถูกอดีตนักมวยซามูไรผู้ยิ่งใหญ่ “โยชิฮิโระซาโตะ” ที่ครั้งหนึ่งสร้างตำนานที่ยิ่งใหญ่แสนเจ็บปวดให้ “บัวขาว บัญชาเมฆ” ด้วยการชนะน็อก “บัวขาว”คนนี้บนเวทีผืนผ้าใบที่บ้านเกิด ประเทศญี่ปุ่น และต่อมาเบื่อกลิ่นสาปนวมและสังขารที่ไม่เที่ยงตาม “สังสารวัฏ” จึงประกาศแขวนนวมไปเมื่อ ปี 2014 หรือราว 8 ปีที่แล้วก่อน “โปรโมเตอร์สมองใส” จะจัด “ไฟท์ชำระแค้น” ที่ประชาสัมพันธ์ว่า “มิติใหม่ของกีฬามวยไทย” ที่เวทีมวยมาตรฐาน “ราชดำเนิน” เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาและ “บัวขาว บัญชาเมฆ” ก็ไม่ทำให้โปรโมเตอร์และแมงเม่าพันธุ์แท้ผิดหวัง สามารถเอาชนะคู่ปรับ “โยชิฮิโระซาโตะ” ที่เรื้อเวทีกว่า 8 ปีแล้ว เพราะแขวนนวมและอายุอานามมาก สุดท้ายก็พลาดโดนฮุคขวาเต็มคางจนร่วงลงไปกองกับพื้นให้กรรมการนับถึง 8 แต่ดูทรงดูอาการแล้วไม่พร้อมจะสู้ต่อ จึงแพ้น็อกเพราะพิษหมดฮุคขวาก่อนระฆังจะตีบอกเวลาหมดยกที่ 1 เพียง 47 วินาทีเท่านั้น…
nn ทิ้งท้าย เปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช รองประธานกรรมการมูสนิธิอาสารักษาดินแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และประธานกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันฯ เชิญร่วมงานแถลงข่าวการแข่งขันกอล์ฟการกุศล มูลนิธิอาสารักษาดินแดนฯ ในวันอังคารที่ 1 พ.ย. 2565 เวลา 14.00 น. ที่ ห้องทิพย์พิมาน โรงแรมมิโด้ พร้อมรายละเอียดการจัดการแข่งขันกอล์ฟการกุศลฯ ในวันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2565 ที่ ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ (ชวนชื่น) จังหวัดปทุมธานี เพื่อช่วยเหลือสมาชิกฯ ในกรณีเจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิตอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือประสบภัยพิบัติต่างๆ รวมทั้งเป็นทุนการศึกษาให้แก่บุตรสมาชิกฯ…nn
ไม้หน้าสาม
เผยแพร่: 31 พ.ค. 256…
This website uses cookies.