ด้วยสิ่งสำคัญคือการแข่งขัน มุ่งมั่น มีสมาธิกับตัวเองเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุดแล้วค่อยเทียบเคียงคู่แข่งจะบ่งชี้เองใครคือผู้ชนะในบั้นปลาย
ทำให้นึกถึงเพลง “ก้อนหินก้อน-นั้น” ของ โรส ศิรินทิพย์
“ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอได้เท่ากับเธอทำตัวของเธอเอง”
กรีนหลุม 18 พาร์ 5 ของสยามคันทรี คลับ พัทยา โอลด์ คอร์ส คือเครื่องยืนยันได้อย่างเด่นชัด
8 ปีก่อน “โปรเม” เอรียา จุฑา-นุกาล นักกอล์ฟสาวไทยวัยละอ่อนแค่ 17 เพิ่งเทิร์นโปรไม่เต็มหนึ่งปี ทิ้งโอกาสคว้าแชมป์อาชีพครั้งแรกในบ้านเกิดเมืองนอนเพราะอ่อนประสบการณ์ไม่ละเอียดจังหวะการเล่นเล็กๆ น้อยๆ ทำโทรฟี่หลุดจากมือตัวเอง ทั้งที่ทำสกอร์ 14 อันเดอร์ นำ พัค อินพี ซึ่งเล่นครบ 72 หลุมไปแล้ว 2 สโตรก แต่ดันเสียทริปเปิลโบกี้ พลิกกลับมาพ่ายนักกอล์ฟเลือดโสม 1 สโตรก
ภาพติดตาในวันนั้นคือเด็กผู้หญิงปล่อยโฮชนิดไม่แคร์สายตาคนเรือนหมื่นในสนามและนับล้านคนผ่านการถ่ายทอดสด ทั้งที่เธอสู้อุตส่าห์ทุ่มเทเล่นกอล์ฟตั้งแต่ 5 ขวบ ต้องตื่นเช้ามาวิ่งก่อนไปโรงเรียน เลิกเล่นก็ตรงปรี่ไปฝึกซ้อม เสาร์อาทิตย์ขลุกอยู่แต่ในสนาม ไม่มีเวลาเล่นสนุกเหมือนเด็กวัยเดียวกันคนอื่น จนบางครั้งในหัวคิดคือแค่อยากมีวันพัก ได้กินไอศกรีม แต่ก็อยากดูแลคุณพ่อคุณแม่ได้
ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ คือจุดเริ่มทำให้มีจุดมุ่งหมายให้ไขว่คว้ามากกว่าเป้าหมายส่วนตัวที่คิดไว้ เพราะนั่นอาจทำให้คุณพ่อที่บอกเสมออยากเห็นลูกเป็นนักกอล์ฟระดับท็อป 10 ของโลกจะไม่ภูมิใจในตัวลูกหรือเปล่าเพราะจุดเริ่มคุณพ่อเทียวไล้เทียวขื่อฝ่ายจัดการแข่งขันหลายครั้งจนยอมให้สาวน้อยอายุแค่ 11 ขวบ ร่วมเล่นรอบคัดเลือกกระทั่งเป็นหนึ่งใน 2 ผู้เล่นผลงานดีสุดเข้าชิงชัยฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ปี 2007 จบอันดับ 51 ร่วม ตีเกิน 9 โอเวอร์พาร์ 297
ทว่าวันเวลาหล่อหลอมให้ เอรียา จุฑานุกาล ฟันผ่าอุปสรรคนานัปการ ท้อแท้จนเคยคิดหันหลังให้กีฬากอล์ฟที่รักและทุ่มเทตั้งแต่วัยเล็ก จากครั้งประสบอุบัติเหตุลื่นล้มรุนแรงในสนามกอล์ฟเดือนกรกฎาคม 2013 ทั้งที่เพิ่งคว้าแชมป์อาชีพแรกในเลดี้ส์ ยูโร- เปี้ยนทัวร์ รายการลัลลา เมอร์เยม คัพ 31 มีนาคมปีนั้น ต้องผ่าตัดหัวไหล่ ร้างสนามนานถึง 7 เดือน
จากนั้นพอ เอรียา กลับคืนสนามแต่การเล่นห่างไกลผลงานที่เคยทำได้ไกลลิบ มีไม่ผ่านตัดตัวในแอลพีจีเอ ทัวร์ 10 รายการติดต่อกันปลายเมษายน-ปลายกรกฎาคม 2015หรือแม้แต่ช่วงไม่นานมานี้กับผลงานรักษามาตรฐานไม่ได้ ไร้ความสำเร็จตั้งแต่ชนะเลิศเลดี้ส์ สกอตติช โอเพ่น กรกฎาคม 2018
“ฉันเคยพลาดแชมป์เมื่อปี 2013 ทำให้อยากกลับมาคว้าแชมป์นี้ให้ได้สักครั้ง จริงๆ ก่อนหน้านี้ที่ผลงานไม่ดีไม่มีแชมป์ติดมือเลยตลอด 2 ปีที่ผ่านมาส่งผลต่อสภาพจิตใจของฉันอย่างมาก นั่นทำให้ฉันต้องคุยกับโค้ชจิตวิทยาอย่าง เพีย นิีลส์สัน และ ลีนน์ แมร์ริออตต์ นับครั้งไม่ถ้วน”
“ตอนนั้นอยากหยุดแข่งสักพักโดยความคิดแวบนึงคืออยากเลิกเล่นไปเลย แต่โค้ชคอยให้คำแนะนำจนก้าวผ่านความท้อแท้มาได้”
จวบจนวันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เอรียา ทลายฝันร้ายฝังแน่นในหัวและจิตใจของเธอนับจากวันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ ปี 2013 แอพโพรช 2 ออนหลุมสุดท้ายทำ 2 พัตต์จากระยะ 6 ฟุต ปิดท้ายด้วยเบอร์ดี้ที่ 9 ของวันทำ 9 อันเดอร์พาร์ 63 รอบสุดท้ายฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2021 สกอร์รวม 22 อันเดอร์พาร์ 266 พลิกขึ้นเป็นผู้นำหนแรกจากการแข่งขัน 72 หลุมตลอดทั้ง 4 วัน บนคลับเฮาส์ นำ “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล โปรรุ่นน้องซึ่งพลาดออกโบกี้แรกของวันจาก 3 พัตต์หลุม 17 อยู่ 1 สโตรก
หลังฝ่ายจัดการแข่งขันให้สัญญาณกลับมาเล่นต่อจากหยุดพักนาน 1 ชั่วโมง ตอนก๊วนสุดท้ายของ อาฒยา เพิ่งทีออฟหลุมสุดท้ายเพราะมีประจุไฟฟ้าในอากาศเสี่ยงเกิดฟ้าผ่า
“โปรจีน” แอพโพรชชาร์จธงปักหน้าขวาน้ำหนักแรงไปอยู่ขอบฟลินต์ข้างกรีนลอนบน ตัดสินใจชิพชอต 3 เข้ามาเหลือระยะราว 6 ฟุตลุ้นเบอร์ดี้ตีเสมอเพื่อไปลุ้นแชมป์กันต่อในช่วงเพลย์ออฟ น่าเสียดาย สวิงสาวน้อยวัย 18 พัตต์หลุดขอบปากหลุมขวาได้แค่พาร์
ส่งผลให้ “โปรเม” กลายเป็นนักกอล์ฟไทยคนแรกทำได้สำเร็จกับการคว้าแชมป์ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ตั้งแต่จัดแข่งขันปีนี้เป็นครั้งที่ 14 ตั้งแต่ปี 2006
พลันกล้องถ่ายทอดสดตัดภาพไปที่ เอรียา จุฑานุกาล ขณะอยู่ในบนกรีนซ้อมพัตต์ถึงกับหลั่งน้ำตาเหมือนปี 2013 สวมกอดกับพี่สาว “โปรโม” โมรียา จุฑานุกาล หากอารมณ์ความรู้สึกหนนี้คือความปีติยินดี มันคือการปลดล็อกยกภูเขาออกจากอก ลบล้างความทรงจำเลวร้ายที่นี่เมื่อ 8 ปีที่แล้วลงได้สักที
โปรเม วัย 25 เปิดใจว่า “รู้สึกดีใจมากที่กลับมาแข่งขันรายการนี้อีกครั้ง แม้หนนี้อยู่ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ก็ไม่คิดว่าจะทำได้”
“ที่ผ่านมาเมกำลังเจอปัญหาในการเล่นตลอด ก่อนมารู้สึกถึงการเป็นแชมป์ใน 2 วันสุดท้าย และเป็นครั้งแรกในการเล่นรายการนี้โดยไม่มีความกดดัน”
“โดยเฉพาะหลุม 18 วันนี้ยอมรับมีหลายอย่างในหัวเหมือนปี 2013 ที่เราตีไป 8 ชอต แต่ก่อนตีหลุมสุดท้าย ไม่ว่าจะเสียโบกี้หรือตีพลาด ไม่ว่าอะไรก็ตาม บอกตัวเองจะทำให้ดีที่สุด และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะยอมรับกับผลที่ออกมาไม่ว่ามันจะออกมาอย่างไรก็ตาม”
“วันนี้เล่นได้ดีมาตลอด ส่วนหลุมสุดท้ายทีชอตออกไปได้ดีมากทำให้เก็บเบอร์ดี้ได้ ช่วงเกมหยุดพักได้แต่รอ อยากรู้ผลเร็วๆ คิดว่าต้องเพลย์ออฟแน่นอน จริงๆ อยากออกไปดูอาฒยาที่หลุม 18 แต่แคดดี้ห้ามไว้ เลยได้แต่คอยฟังเสียงเชียร์อย่างเดียว”
“วันนี้ไม่ได้วางแผนอะไรเลย ก่อนออกไปก็บอกกับตัวเองให้ลองเล่นแบบไม่ต้องคิดถึงผลที่จะออกมา อยู่กับชอตที่เราจะทำข้างหน้า ตั้งใจทำให้ดีที่สุด แทบไม่ได้คิดว่าจะตีตรงไหม จะลงไหม ชัยชนะครั้งนี้รอมานานมาก ตั้งแต่ปี 2013 ก็อยากได้แชมป์ที่นี่มากๆ”
“ที่ผ่านมามีช่วงหนึ่งที่เมต้องสู้กับอะไรค่อนข้างเยอะ แต่เมยังเชื่อในตัวเอง ไม่หยุดที่จะทำทุกอย่างให้ดี แชมป์ครั้งนี้สอนให้ เมรู้จักคำว่าพยายายามและรอคอย ไม่เปรียบเทียบตัวเองกับใคร วันนี้เมรู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก ขอบคุณแฟนๆ ที่คอยเชียร์เมมาตลอด แม้ในช่วงที่เมตีไม่ดี ทุกคนก็คอยเป็นกำลังใจให้เสมอ”
เอรียา ยังเผยถึง เพีย นีลส์สัน กับ ลีนน์ แมร์ริออตต์ สองโค้ชจิตวิทยาว่ามีส่วนสำคัญมากที่ผลักดันให้เอาชนะจิตใจตัวเอง
“วันนี้คือวันเกิดของเพีย (8 พฤษภาคม) เมคุยกับเธอว่า คุณรู้มั้ย เมตีเหล็กไปตกที่โน่นที่นี่ทั่วไปหมด พัตต์ก็ไม่ลง เมรู้สึกว่าทำไมมันยากจัง เมควรทำยังไงดี?”
“เธอพูดแค่ – คุณรู้สึกยังไงเวลาออกไปเล่น รักษาความมุ่งมั่นไว้และไม่ต้องคิดว่าผลจะออกมายังไง คุณทำมันให้เป็นของขวัญวันเกิดของฉันได้มั้ย- เมเลยบอกได้ เมจะพยายามให้มากขึ้น” โปรเม ซึ่งรอบสุดท้ายตี 9 อันเดอร์พาร์ 63 เป็นสกอร์ต่อรอบส่วนตัวดีสุดของตัวเองตั้งแต่เคยทำ 10 อันเดอร์พาร์ 62 รอบสุดท้าย เมเยอร์ แอลพีจีเอ คลาสสิก ปี 2018 เล่า
เอรียา ยังเอ่ยถึงการเป็นนักกอล์ฟไทยคนแรกที่ชนะเลิศฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ว่า “ตอนมีสัญญาณหยุดแข่งขัน เมหยิบมือถือขึ้นมาและถามแคดดี้ว่าฉันไม่ควรเปิดมือถือใช่ไหม เขาห้าม เมเลยเดินไปซ้อมไดรฟ์เพราะไม่อยากนั่งพัก พี่โม พี่สาวมาอยู่ด้วยตอนนั้น”
“พอได้ยินเสียงเชียร์ระหว่างนั้นเม อยากดูพวกเขาแข่งขันมาก อยากเห็นเพราะเดี๋ยวต้องเพลย์ออฟด้วย พีท แคดดี้ของเม ห้ามไว้ บอกดูหรือไม่ดูก็ไม่เปลี่ยนการเล่นพวกเขา เมเลยกลับมาซ้อมต่อก่อน แคดดี้ เดินมากอดเม เลยรู้แล้วว่าได้แชมป์โมก็เดินเข้ามากอด บอกภูมิใจในตัวเมมาก”
“มันรู้สึกดีเสมอ ไม่ใช่แค่การเป็นนักกอล์ฟไทยที่คว้าแชมป์เท่านั้น ฉันอยากบอกว่ามันมีช่วงเวลายากลำบากจริงๆ ช่วง 2 ปีมานี้”
“เมคิดกระทั่งว่าฉันไม่รู้ว่าบอกโค้ชจิตวิทยาของเมตั้งกี่ครั้งว่าฉันอยากพัก ไม่เอาอีกแล้ว ฉันอยากหยุดสักพัก ทว่าทุกๆ ครั้งที่เมมองไปที่เด็กๆ แล้วเมอยากเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขา ดังนั้นเมรู้สึกว่าจะยอมแพ้ไม่ได้ ต้องทำให้เต็มที่ที่สุด พยายามให้หนักขึ้น ก้มหน้าทำต่อไป แล้ววันหนึ่งคุณจะทำมันได้”
ขณะที่ “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล โปรสาวดาวรุ่งวัย 18 จาก อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เป็นอีกหนึ่งนักกอล์ฟที่เอสซีจีให้การสนับสนุนและดูแลก็โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม ถ้าไม่เสียโบกี้หลุม 17 พาร์ 4 หรือพัตต์เบอร์ดี้หลุมสุดท้าย พาร์ 5 ลงไปอย่างน้อยก็ยื้อต่อช่วงเพลย์ออฟเพื่อลุ้นแชมป์แอลพีจีเอ ทัวร์รายการแรกในชีวิตของตัวเองซึ่งอะไรก็อาจเกิดขึ้นได้
“เอาจริงๆ ต้องบอกว่าเกินคาดมากเลยสำหรับทัวร์นาเมนต์นี้ คือเป็นโปรครั้งแรก เป็นปีแรกที่ได้เป็นโปรแล้วมาแข่งที่นี่ รู้สึกว่าทุกๆ อย่างที่ได้ทำงานมาเป็นไปในทางที่ดีขึ้นเยอะ แต่ยังมีอะไรที่ต้องกลับไปทำงานให้หนักต่อไป อย่างที่่เคยพูดทุกๆ ครั้งคือเรื่องลูกสั้น”
“ที่ผ่านมาคุยกับโค้ชตลอด รู้สึกว่าเล่นเซฟมากเกินไป บางทีอาจต้องเสี่ยงบ้างถ้าอยากได้แชมป์หรืออยากได้ถ้วยจริงๆ เป็นสองจุดที่ต้องกลับไปทำให้ดีขึ้นกว่านี้” อาฒยา เผยความรู้สึก
“นี่คือประสบการณ์ใหม่ของจีนกับการเข้าใกล้การคว้าแชมป์ (แอลพีจีเอ ทัวร์) ตอนพัตต์สุดท้าย จีนรู้สึกว่าได้ให้โอกาสตัวเองและทำดีสุดเท่าที่จะทำได้แล้ว จีนรู้สึกว่าได้ทำอย่างสุดความสามารถของจีนแล้ว”
“โปรเหมียว” ปภังกร ธวัชธนกิจ แชมป์เมเจอร์เอเอ็นเอ อินสปิเรชั่น ต้นเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ผู้นำตลอด 3 วันแรกแต่เก็บเพิ่มอีกแค่ 2 อันเดอร์พาร์ 70 ในรอบสุดท้าย สกอร์รวม 20 อันเดอร์พาร์ 268 จึงจบอันดับ 3 ร่วม รับเงินเข้ากระเป๋า 78,057 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2.49 ล้านบาท)
ส่วน “โปรเมียว” ปาจรีย์ อนันต์-นฤการ อีกหนึ่งโปรสาวไทย ก็ทำผลงานสุดยอดในรอบสุดท้ายทำสกอร์ดีสุดของวันและในอาชีพตัวเอง 9 อันเดอร์พาร์ 63 จาก 9 เบอร์ดี้ไม่เสียสโตรกเลย สกอร์รวม 15 อันเดอร์พาร์ 273 จบอันดับ 13 ร่วม เป็นผลงานส่วนตัวดีสุดอันดับ 2 ในแอลพีจีเอ ทัวร์จากเคยจบอันดับ 12 ร่วม ดาว เกรท เลคส์ เบย์ อินวิเตชันแนล ปี 2019 รับเงินรางวัล 24,329 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 7.78 แสนบาท)
โปรสาววัย 21 เผยถึงผลงานส่วนตัวดีสุดจากการเล่นรายการนี้เป็นครั้งที่ 3 “เป็นสัปดาห์การแข่งขันที่สนุก โดยเฉพาะการมีคุณพ่อเป็นแคดดี้ วันสุดท้ายฟอร์มพัฒนาดีขึ้นมากตีดีหลายชอตเลยเก็บเบอร์ดี้เยอะทำให้ทำผลงานดี”
“เมียวรู้สึกมีแรงจูงใจอย่างมากทุกครั้งที่แข่งขันที่นี่ และขอบคุณเป็นอย่างยิ่งสำหรับการมอบโอกาสที่ทำให้ได้กลับมาแข่งขันทัวร์นาเมนต์ระดับโลกในประเทศไทย”
พร้อมเอ่ยชม เอรียา จุฑานุกาล ว่า “ครั้งแรกที่เมียวได้เจอพี่เม พี่เมน่าจะเพิ่งอายุ 9 ขวบ แต่เล่นกอล์ฟไปแล้ว พี่เมเป็นแค่มือสมัครเล่นแต่ได้ลงแข่งกับนักกอล์ฟดีสุดในโลกแล้ว เมียวชื่นชมพี่เมจริงๆ เฝ้าดูการพัฒนาฝีมือและดูการแข่งขันของพี่เมเสมอ”
“โปรโม” โมรียา จุฑานุกาล มือ 40 ของโลก วัย 26 ปี รองแชมป์ร่วมปี 2018 เก็บเพิ่ม 3 อันเดอร์พาร์ 69 สกอร์รวม 13 อันเดอร์พาร์ 275 จบอันดับ 17 ร่วม รับเงินรางวัล 19,085 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 6.1 แสนบาท)
“โปรแจน” วิชาณี มีชัย วัย 28 ปี ซึ่งได้รับเชิญร่วมแข่งขันเป็นครั้งแรก วันสุดท้ายทำเพิ่ม 2 อันเดอร์พาร์ 70 สกอร์รวม 6 อันเดอร์พาร์ 282 จบอันดับ 43 ร่วมกับ “โปรแหวน” พรอนงค์ เพชรล้ำ วัย 31 ปี ที่วันสุดท้ายตีเกิน 1 โอเวอร์พาร์ 73 รับเงินรางวัลไปคนละ 6,785 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2.17 แสนบาท)
“โปรจูเนียร์” จัสมิน สุวัณณะปุระ วัย 28 ปี วันสุดท้ายทำ 3 อันเดอร์พาร์ 69 สกอร์รวม 4 อันเดอร์พาร์ 284 จบอันดับ 54 ร่วม รับเงินรางวัล 4,866 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.55 แสนบาท)
“โปรพราว” ชเนตตี วรรณแสน ดาวรุ่งวัย 17 ปี ผู้ชนะคัดเลือกระดับประเทศ วันสุดท้ายเก็บ 4 อันเดอร์พาร์ 68 สกอร์รวม 3 อันเดอร์พาร์ 285 จบอันดับ 57 ร่วม รับเงินรางวัล 4,234 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.35 แสนบาท)
“โปรมายด์” กานต์พนิตนันท์ เมืองคำสกุล นักกอล์ฟสาวดาวรุ่งวัย 22 ปี ซึ่งได้รับเชิญเข้าร่วมการแข่งขันรายการฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ เป็นครั้งแรก วันสุดท้ายทำ 1 อันเดอร์พาร์ 71 สกอร์รวม 4 โอเวอร์พาร์ 2
เผยแพร่: 31 พ.ค. 256…
This website uses cookies.