เผยแพร่: ปรับปรุง:
“โสภณ องค์การณ์”
บ้านเมืองยังอยู่ในวิกฤติสารพัด ทั้งการระบาดของโควิด-19 ก็ยังเป็นไปอย่างน่าห่วง เอาไม่อยู่ มีคลัสเตอร์ใหม่เกิดหลายแห่ง ส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ และเมืองรอบนอก สร้างความวิตกกังวลให้ชาวบ้านผู้โดนกระหนาบด้วยปัญหาเศรษฐกิจอีกด้วย
เกิดบรรยากาศสับสนอลหม่านต่อเนื่องเรื่องการให้บริการฉีดวัคซีน เพราะมีปริมาณไม่พอ ชาวบ้านไม่เชื่อมั่น ทำให้ต้องขอร้องให้บรรดาดารา เซเลบ ไปรับการฉีดวัคซีน เป็นการรณรงค์ปนเปื้อนด้วยโฆษณาชวนเชื่อแบบกลายๆ
นี่แหละหนา วิกฤติศรัทธา ความน่าเชื่อถือในตัวผู้นำบ้านเมืองซึ่งทำตัวไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่มีความสามารถเกินหน้าคนทั้งประเทศ แต่ยังอยากรวบอำนาจไว้ให้มากที่สุด ผลสุดท้าย จัดการด้วยตัวเองทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้ดีสมราคาคุย
มีอำนาจก็จริง แต่ถ้าขาดสติปัญญา ความสามารถ ชาวบ้านไม่เชื่อมั่น ก็เกิดสภาวะความลังเล สับสน วิกฤติศรัทธา เพราะไม่รู้จะเชื่อใครดี
แถมยังมีบรรยากาศ ดรามา แนวอิจฉาริษยาพวกเดียวกันเอง เรื่องการเปิดบริการวอล์ก อิน ซึ่งจะช่วยให้ชาวบ้านได้เข้าถึงวัคซีนได้ง่ายกว่าระบบเรื่องเยอะที่ได้จัดสรรกันมา ในที่สุด รัฐมนตรีเจ้าของโครงการต้องกินแห้ว หน้าแหก
เห็นหรือยังว่าการทำตัวเด่นจะเป็นภัย โดนพิษอิจฉาตาร้อนเล่นงาน ทั้งๆ ที่น่าจะรู้เพราะเคยโดนบทอิจฉาเล่นงานมาแทบเอาตัวไม่รอดหลายครั้งแล้ว
โดนหักหน้าคราวก่อน ให้คนออกมาติงนายท่าน ก็คงโดนทีเด็ดไป ต้องเงียบ เพราะรู้แล้วว่านายท่านเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น ใครจะมาสะเออะรู้ดีกว่าไม่ได้
และนายท่านไม่ใส่ใจเรื่องอื่นๆ ที่ไม่สำคัญ เน้นคะแนนนิยมเท่านั้น
โครงการวอล์ก อิน น่าจะเป็นงานที่ถูกใจให้ความสะดวกแก่ประชาชน เสียอย่างเดียว ไม่ได้ยกเครดิตให้นายท่าน จึงต้องโดนเบรคกระทันหันจนหัวทิ่ม
คราวนี้ท่านรัฐมนตรีและพรรคต้องกลืนเลือด กัดฟันทน ปล่อยให้บริวารออกมาเล่นงานแนวจิกกัด ได้ผลพอสมควร สามารถเรียกบรรดาสมุนชนิดข้าหลายเจ้า บ่าวหลายนายแห่ออกมาปกป้องนายท่าน ตามประสานายยังไม่ว่า ขี้ข้าพลอย
นี่จึงเป็นบรรยากาศแบบซังกะบ๊วยโดยแท้! ที่ไหนมีการบริหารงานแบบนี้ ไม่เจ๊งจะทนไหวเหรอ ชาวบ้านได้แต่มองดูดรามาน้ำเน่า สงสัยว่าอนาคตบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เพราะทุกฝ่ายเล่นเกมเพื่อปกป้องผลประโยชน์และหน้าตา
นอกจากพวกสมุนขี้ข้าบ่าวหลายเจ้าที่ยังแสดงบทปกป้องนายท่านทุกงาน ก็ยังมีเรื่องปะ ฉะ ดะ ระหว่างพรรคการเมือง และกลุ่มอยู่นอกวง แลกเปลี่ยนถ้อยคำเหน็บเจ็บๆ เกี่ยวกับเรื่องวัคซีน ดรามา กับบทบาทของ โทนี่ วู๊ดซั่ม จากต่างแดน
โทนี่น่าจะรู้ว่าคนในแผ่นดินนี้จะมีใครแสดงตัวออกหน้าว่ารู้มาก เก่งกว่านายท่านไม่ได้เด็ดขาด ทำตัวเด่นกว่า ชาวบ้านชื่นชมก็ไม่ได้ แสดงความเห็นในที่ประชุมเด่นก็ไม่ได้ เสี่ยงกับการตวาด เอ็ดตะโร เพราะทำให้เสียหน้าเพราะมีคนเถียง
เมื่อนายท่านทำตัวเป็นซีอีโอ ซิงเกิ้ล คอมมานด์ ทุกคนต้องหุบปาก ห้ามเถียง แต่นายท่านมีอำนาจมากก็จริง ไม่ได้ทำตัวฉุกเฉินกับสถานการณ์ เพราะยังทำงานตามเวลาราชการ ตามระเบียบ แทบไม่ขาดเกิน ทำอย่างนี้อย่างคงเส้นคงวา
แต่วันเสาร์ วันพักผ่อนของนายท่าน ก็ใช้เวลาเล่นกอล์ฟ เกมกีฬาโปรดเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ เล่นก๊วนเดียว แต่ปิดทั้งสนาม เป็นซูเปอร์วีไอพี เริ่ม 10 โมงเช้า
ยังเป็นเวลาหาความสนุกสนาน เบิกบาน กับก๊วนกอล์ฟ ขาประจำสนามชานเมืองโน่น ซึ่งเป็นทั้งสปอนเซอร์ ซื้อที่ดินของตระกูลด้วยราคาดีจนห้ามปฏิเสธ
จากนี้ไป อนาคตต้องฝากไว้ในกำมือของนายท่านซีอีโออย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกำหนดรูปแบบการบริหารงานจัดการโควิด-19 และจะเป็นบทเรียนสำคัญให้เสนาบดีรายอื่นๆ ที่อยากมีความคิดริเริ่ม นั่นทำได้ แต่ต้องยกเครดิตให้นายท่าน
แน่นอน กิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจกว่าก็คือความสำเร็จในการกู้เงินด่วนรอบใหม่ 7 แสนล้านบาท เพื่ออ้างว่ามาเยียวยาปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับโควิด-19 โดยเจียดให้งานแพทย์เพียง 3 หมื่นล้านบาท เป็นจำนวนจิ๊บจ๊อยไม่มีราคาอย่างยิ่ง
ทุกอย่างยังอยู่ในสภาวะขาดแคลน แต่นั่นเป็นเรื่องที่เจ้ากระทรวงสาธารณสุขต้องจัดสรรเอาเอง เพราะนายท่านเก็บเงินส่วนใหญ่ไว้สำหรับเยียวยา แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งมีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าไม่ประสบความสำเร็จ
เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำอีกครกใหญ่ แต่สร้างหนี้สินมหาศาลให้ชาวบ้านแบกรับจนถึงชั่วลูกชั่วหลาน ชาวบ้านจึงชื่นชมว่าเป็นผลงานชั่วจริง
ยังไม่นับเงินกู้อุดงบรั่วอีก 7 แสนล้านในปีงบ 2565 ซึ่งรวมแล้วเป็นการกู้รวม 1.4 ล้านล้านบาท จะไม่ฉิบหายวายวอดเพราะภาระหนี้เงินกู้ได้อย่างไร
คณะของนายท่านใช้เงินมือเติบมาโดยตลอด แต่หาเงินไม่เก่ง ใช้จ่ายเงินช่วง 7 ปีกว่า 20 ล้านล้านบาท นับว่าเป็นจุดเด่นสำหรับผลงานของท่านผู้นำใช้เงินเก่ง
ซ้ำร้าย งบกู้แบบฉุกเฉินยังถูกมองว่าเป็นงบสำหรับหว่านหาเสียงซื้อใจชาวบ้าน นอกจากไม่ให้บ่นก่นด่าแล้ว ยังเป็นของชอบ เคยตัว อยากได้ต่อเนื่องจนไม่อยากคิดทำงาน ทำมาหากิน รอแต่เงินแจก
แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ จะทำอะไรได้ เพราะเศรษฐกิจตายซากมาหลายปีแล้ว
วันที่ 22 นี้ก็จะครบรอบ 7 ปีของการรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ ปล้นอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นวันครบรอบของการล้มเหลวเพราะไม่มีอะไรเป็นผลงานเกี่ยวกับการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ สังคม หรืออะไรทั้งนั้น
การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไม่ขยับเขยื้อน ความล้มเหลวซ้ำซากทำให้คนไม่อดทนเริ่มออกมาขับไล่ตรงๆ ไม่เกรงใจ แต่อย่างว่า หน้าทนซะอย่าง อยู่ต่อได้แน่
บรรยากาศซังกะบ๊วย ผลงานโหล่ยโท่ยต่อเนื่องอย่างนี้ อยู่ต่อไปทำซากอะไร?