เพื่อพระ ธีร์รัถต์-กิตติภัต-นงนิภา สุทธิสัมพัทน์ มอบเงินบริจาคจำนวน 600,000 บาท ให้ ผศ.นพ.สุรินทร์ อัศววิทูรทิพย์ เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายผู้ป่วยสภาวะหัวใจล้มเหลวและปลูกถ่ายหัวใจ ศูนย์โรคหัวใจ สำหรับพระภิกษุสามเณรอาพาธ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ที่ศาลาทินทัต วันก่อน.
วัคซีนโควิดไม่มาตามนัดทำรัฐบาลเสียรังวัด…………หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสี จำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ฉบับประจำวันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน 2564
“ธนูเทพ” ประจำการรับใช้ท่านผู้อ่าน…จากการที่ รัฐบาล เดินหน้า ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด–19 ให้แก่ประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศตามแผนวาระแห่งชาติ โดยยืนยันจะมีวัคซีนทยอยแจกจ่ายไปยังจังหวัดต่างๆตามจำนวนวัคซีนที่เข้ามา และความจำเป็นของพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด ส่วนคนที่ จองวัคซีน ไว้กับ ระบบหมอพร้อม จะพยายามเร่งฉีดตามกำหนดนัดให้ได้มากที่สุด แต่ล่าสุดเกิดความโกลาหล เมื่อโรงพยาบาลหลายแห่งในพื้นที่ กทม.ประกาศขอเลื่อนการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มเสี่ยงมีโรคประจำตัว 7 โรค ที่ลงทะเบียน ระบบหมอพร้อม วันที่ 14-20 มิ.ย. ออกไปก่อน เนื่องจากยังไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนจาก กระทรวงสาธารณสุข…
เช่นเดียวกับทาง กทม. ก็เลื่อนการฉีดวัคซีนเข็มแรกที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีนใน โครงการไทยร่วมใจ อ้างเป็นเพราะไม่ได้รับจัดสรรวัคซีนเช่นกัน
ร้อนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. ต้องสั่งให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มาร่วมแถลงข่าวชี้แจงทำความเข้าใจต่อกรณีปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน…
โดย พล.อ.ณัฐพล ยืนยันที่ผ่านมา ศบค. กระทรวงสาธารณสุข และ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง บูรณาการการทำงานร่วมกันโดยเฉพาะวัคซีนทุกอย่างเป็นไปด้วยดี นโยบาย นายกฯ ต้องการให้ฉีดวัคซีนกับประชาชนทุกคนในประเทศ รวมทั้งชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย ในหลักการต้องฉีด ร้อยละ 70 หรือประมาณ 50 ล้านคน โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมการไว้ 100 ล้านโดส ในปี 2564 แบ่งเป็น ซิโนแวค 8 ล้านโดส แอสตราเซเนกา 61 ล้านโดส ไฟเซอร์ 20 ล้านโดส และ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน อีก 5 ล้านโดส รวมเป็น 94 ล้านโดส นอกจากนั้น ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมจัดการหาซื้อเพิ่มเติม จึงยืนยันได้ว่าวัคซีนของไทยมีเพียงพอฉีดให้กับประชาชน 50 ล้านคน ภายในปีนี้ แต่เมื่อเกิดความคลาดเคลื่อนวัคซีนไม่เข้ามาตามแผนก็ต้องปรับแผน จึงทำให้ต้องมีการเลื่อนกันบ้าง ต้องกราบขออภัยประชาชน แต่ในภาพรวมยืนยันทุกอย่างยังเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดแต่ละเดือน
ขณะที่ พล.ต.อ.อัศวิน ระบุ ตั้งแต่วันที่ 7-14 มิ.ย. กระทรวงสาธารณสุข ได้มอบวัคซีนให้ กทม. 5 แสนโดส โดย กทม. แบ่งแจกจ่ายไปให้ผู้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม วันที่ 7-14 มิ.ย.ไปแล้ว 182,000โดส เข็มที่สองที่ฉีดไว้ก่อน 52,000 โดส ผู้ป่วยติดเตียง คนชรา อีก 8,000 โดส และให้ โครงการไทยร่วมใจ 1 แสนโดส ทีแรก กทม.คาดวัคซีนจะได้มาก่อนวันที่ 14 มิ.ย. แต่ อธิบดีกรมควบคุมโรค บอกขัดข้องทางเทคนิคไม่สามารถจัดส่งได้ เพราะกระทรวงสาธารณสุขยังไม่ได้รับวัคซีน กทม. ก็แก้ปัญหาแจ้งไปที่ผู้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.เลื่อนไปก่อนหยุดฉีด จะฉีดให้เร็วที่สุดหลังได้รับวัคซีน เช่น รับวันไหน วันรุ่งขึ้นฉีดให้เลย ยืนยัน กทม. ไม่ได้มีความขัดแย้งกับสาธารณสุข
ส่วนทางด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ย้ำว่า ตั้งแต่เดือน ก.พ. นำเข้าวัคซีนมา 8.1 ล้านโดส แบ่งเป็นวัคซีนแอสตราเซเนกา 2.1 ล้านโดส และซิโนแวค 6 ล้านโดส ปัจจุบันฉีดสะสมแล้วทั้งหมด 6,188,124 โดส โดย งวดแรก ฉีดตั้งแต่วันที่ 7- 20 มิ.ย. ส่งวัคซีนไปประมาณ 3 ล้านโดส ประกอบด้วย วัคซีนซิโนแวค 1 ล้านโดส และแอสตราเซเนกา 2 ล้านโดส ได้จัดส่งไปยัง กทม. แล้ว 5 แสนโดส สำนักงานประกันสังคม 3 แสนโดส กลุ่มมหาวิทยาลัย 11 แห่ง 1.5 แสนโดส ส่วนกลุ่มที่ลงทะเบียนหมอพร้อม 76 จังหวัด จะส่งวัคซีนไป 1.1ล้านโดส และจุดบริการฉีด สำหรับองค์กรภาครัฐ และครูอีก 1แสนโดส ทั้งหมดกระจายไปในงวดแรก…
ส่วนงวดที่สอง ตามกำหนดต้องกระจายไปอย่างช้าที่สุด วันที่ 21 มิ.ย.- 2 ก.ค.อีก 3.5 ล้านโดส ตามเป้าหมายกระจายวัคซีน เดือน มิ.ย.รวม 6 ล้านโดส ทั้งนี้วัคซีนนี้ถือเป็นชีววัตถุ ไม่ใช่ว่ามีของแล้วเดินไปซื้อได้เลย พอผลิตแล้วต้องส่งและฉีดทันที เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาด เมื่อผลิตวัคซีนและตรวจสอบแล้ว จะรีบจัดส่งไปทันที ขณะนี้มีวัคซีนหลายบริษัท หลายล้านโดส กำลังรอตรวจสอบคุณภาพ…ทั้งหมดคือคำยืนยันจาก ผู้รับผิดชอบ ในการบริหารจัดการฉีดวัคซีน การปรับแผนบูรณาการครั้งนี้จะทำให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนได้เร็วขึ้นและต่อเนื่องหรือไม่ ยังต้องรอพิสูจน์ แต่ถ้ายัง อืดเป็นเรือเกลือ คนที่จะเสียหายและเสียรังวัดหนักที่สุด ก็คงไม่พ้นคนที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ ผู้นำ ที่ต้องรับผิดชอบสูงสุด ฉะนั้นอย่าให้พลาดซ้ำซาก เข้าใจตรงกันนะจ๊ะ
อืม…ไม่รู้ นายกฯประยุทธ์ ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหน วันก่อนประกาศกร้าวกลางที่ประชุม วุฒิสภา ยืนยันจะอยู่จนครบเทอม ไม่ยุบสภา สยบข่าวลือหนาหู เสียงดังฟังชัด สงสัยจะได้ยาดีตำรับพิเศษ เลยฮึดสู้แบบหลังชนฝา…ที่แน่ๆ ส.ว. ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล รวมทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้าน คงแอบยิ้มในใจกันเป็นแถว ไม่ต้องเสียวไส้ตกงาน
ผ่างๆ…กระแสเสียงจากบรรดาคอฟุตบอลที่ได้ชมการถ่ายทอดสดการแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ฟุตบอลยูโร 2020 คลายเครียดในช่วงสถานการณ์ ไวรัสโควิด–19 ระบาดหนัก ต่างชื่นชม นายกฯประยุทธ์ และ ทีมงานรัฐบาล ที่ผลักดันให้มีการเซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดในครั้งนี้เป็นผลสำเร็จ…
บรรทัดนี้ “ธนูเทพ” ขอยกนิ้วให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังทำหน้าที่ประสาน ทั้ง สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึง เจ้าสัวโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของสนามกอล์ฟไพน์เฮิร์สท ที่ใจกว้างเสียสละควักกระเป๋าทุ่ม 310 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ฟุตบอลยูโร เติมความสุขทางใจให้คนไทย
“ธนูเทพ”