การศึกษาใหม่พบ “ยาไอเวอร์เม็กติน” ลดอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้ 62% และลดโอกาสในการติดเชื้อโควิด-19 ได้เฉลี่ย 86%
หลายประเทศทั่วโลกเร่งศึกษาการรักษาโควิด-19 ด้วยยา “ไอเวอร์เม็กติน (Ivermectin)” ซึ่งเป็นยากำจัดพยาธิในคนและสัตว์
ข้อมูลจากการศึกษา “ไอเวอร์เม็กตินสำหรับป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อโควิด-19” ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Therapeutics ระบุว่า ได้ใช้วิธีการวิเคราะห์อภิมาน (Meta-Analysis) หรือการใช้วิธีการทางสถิติเพื่อเปรียบเทียบและรวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยต่าง ๆ มาสรุปสมมติฐาน
Home Isolation วิธีปฎิบัติตัวผู้ป่วยโควิดเมื่อจำเป็นต้องกักตัวที่บ้าน
อธิบดีวิทยาศาสตร์การแพทย์ชี้ ข้อมูลใช้จริง “ซิโนแวค” กันติดเชื้อ 80-90%
“แพนเค้ก เขมนิจ” ติดเชื้อโควิด เข้ารับการรักษาแล้ว แจ้งไทม์ไลน์
โดยการศึกษาดังกล่าว ใช้ข้อมูลจากการทดลอง 15 แหล่ง กลุ่มตัอวย่างรวม 2,438 คน พบว่า กลุ่มที่ใช้ยาไอเวอร์เม็กตินมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโควิด-19 น้อยลง เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ใช้ยาไอเวอร์เม็กติน โดยลดอัตราการเสียชีวิตได้ 62% มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์น่าเชื่อถือปานกลาง
และยังมีหลักฐานความน่าเชื่อถือต่ำระบุว่า การป้องกันโควิด-19 ด้วยการใช้ยาไอเวอร์เม็กติน ช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อโควิด-19 ได้เฉลี่ย 86%
ผลลัพธ์รองให้หลักฐานบางอย่างน้อยลง หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำชี้ว่า ยาไอเวอร์เม็กตินอาจไม่มีประโยชน์สำหรับ “ความต้องการใช้เครื่องช่วยหายใจ” ในขณะที่การประเมินผลกระทบสำหรับ “การปรับปรุง” และ “การเสื่อมสภาพ” นั้นสนับสนุนการใช้ไอเวอร์เม็กตินอย่างชัดเจน
จากการทดลองหลายอหล่งทั่วโลก ยังไม่พบผลข้างเคียงหรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงจากการใช้ยาไอเวอร์เม็กติน และการศึกษานี้ยังระบุว่า การใช้บาไอเวอร์เม็กตินในระยะเริ่มต้นของการรักษาโควิด-19 อาจลดโอกาสที่ผู้ป่วยจะเกิดอาการร้ายแรงภายหลังได้
ไอเวอร์เม็กตินได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายจากหลายประเทศ เนื่องจากเป็นยาที่มีราคาถูก ในปัจจุบันไอเวอร์เม็กตินในท้องตลาดมีราคาอยู่ที่ราว 2.90 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 92 บาท) ต่อยาขนาด 12 มิลลกรัมจำนวน 100 เม็ด หรือตกเม็กละประมาณ 90 สตางค์
อ่านรายงานการศึกษาฉบับเต็ม
ดร.เทเรซา ลอว์รี หนึ่งในนักวิจัยผู้ทำการศึกษานี้ กล่าวว่า “หลักฐานคือ ไอเวอร์เม็กตินได้รับการพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า สามารถต้านโควิด-19 ได้ ในความเป็นจริง มันมีหลักฐานเกี่ยวกับยาไอเวอร์เม็กตินมากกว่าการรักษาโควิด-19 ทางอื่นเสียอีก และข้อมูลด้านความปลอดภัยก็มีมากกว่าวิธีการรักษาแบบใหม่”
ประวัติของยาไอเวอร์เม็กตินนั้นย้อนไปในปี 1975 ศ.โอมูระ ซาโตชิ จากสถาบันคิซาโตะในญี่ปุ่น ได้แยกแบคทีเรียสเตรปโตไมซิส (Streptomyces) ที่ผิดปกติออกจากดินใกล้กับสนามกอล์ฟตามแนวชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของฮอนชู
โอมูระ และวิลเลียม แคมป์เบลล์ ค้นพบว่า การเพาะเชื้อแบคทีเรียสามารถรักษาหนูที่ติดพยาธิตัวกลม (Heligmosomoides polygyrus) ได้
แคมป์เบลล์ได้แยกสารออกฤทธิ์ออกจากแบคทีเรียเพาะเลี้ยง โดยตั้งชื่อว่า “อะเวอร์เม็กติน” สำหรับความสามารถในการขจัดพยาธิในหนู และอนุพันธ์ของอะเวอร์เม็กตินก็คือ “ไอเวอร์เม็กติน” นั่นเอง
ไอเวอร์เม็กตินยังใช้รักษาโรคพยาธิตาบอด/โรคตาบอดแถบแม่น้ำ (Onchocerciasis/River blindness) โรคเท้าขาว และโรคเท้าช้างได้ และด้วยราคาทที่ถูก ทำให้คนยากจนและผู้ด้อยโอกาสหลายพันล้านคนทั่วโลกเข้าถึงยานี้ได้
ผู้ค้นพบยาไอเวอร์เม็กตินได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ในปี 2015 และถูกระบุไว้ใน “รายชื่อยาจำเป็น” ขององค์การอนามัยโลก ยิ่งไปกว่านั้น ไอเวอร์เม็กตินยังถูกใช้เพื่อเอาชนะโรคอื่น ๆ ของมนุษย์ได้สำเร็จอย่างต่อเนื่อง และมีการใช้ยานี้เป็นฐานในการรักษาโรคใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง จึงไม่แปลกที่หลายประเทศจะให้ความสนใจในการศึกษาว่า โควิด-19 จะเป็นอีกหนึ่งโรคที่ต้องสยบต่อไอเวอร์เม็กตินหรือไม่
ปัจจุบัน องค์การอนามัยโลก (WHO) รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลยาของบางประเทศ เช่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ยังไม่อนุญาตให้ใช้ไอเวอร์เม็กตินในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีบางประเทศ เช่น อินเดีย ฟิลิปปินส์ ซิมบับเว ประเทศแถบอเมริกาใต้และแอฟริกา อนุมัติให้ใช้ได้แล้ว แม้ยังไม่มีผลการศึกษาที่เป็นสากลและน่าเชื่อถือก็ตาม
เรียบเรียงจาก American Journal of Therapeutics / Bird News
ภาพจาก AFP / Getty Image