ผบ.ทบ.หวั่นโควิดระลอก 3 เทียบสมุทรสาครโมเดล ระดมสรรพกำลังป้องชายแดน หวั่นเมียนมาทะลักลอบเข้าประเทศสำรอง 4 กกล.สแตนบายด์ 24 ชม. ยันไม่ตั้งศูนย์พักพิง ฉีดวัคซีนทหารล็อตแรกแล้ว 113 นาย สมุทรสาคร
วันนี้ (12 มี.ค.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองในพม่าที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการป้องกันโควิด-19 ตามแนวชายแดนของไทยว่า เป็นความห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องจากสถานการณ์ในเมียนมาอาจมีโอกาสทำให้คนต่างประเทศเมียนมาลักลอบเข้าไทยมากขึ้น เพราะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาประเทศไทยมีสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งการฉีดวัคซีนก็ได้เริ่มดำเนินการและมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ในขณะที่ผู้ติดเชื้อภายในประเทศเข้าสู่หลักร้อย ในขณะที่คนที่นอนรักษาตัวอยู่ก็มีอยู่ประมาณ 500 คน ถือว่าเราสามารถควบคุมได้ ในขณะที่โรงแรม สถานท่องเที่ยวก็เริ่มคึกคักกลับมาตื่นตัวอีกครั้ง
วันนั้นเราต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ และการที่ตนลงไปในพื้นที่ทัพภาค 3 กองกำลังนเรศวร และพื้นที่กองกำลังสุรสีห์ของ กองทัพภาคที่ 1 เพื่อจะไปตรวจเยี่ยมตามแนวชายแดนเพื่อไปดูว่าหน่วยปฏิบัติงานมีปัญหาติดขัดอะไรหรือไม่ เพื่อให้ส่วนกลางสนับสนุน ซึ่งก็ได้ข้อยุติว่าจะมีการเพิ่มกำลังของกองกำลังนเรศวร 1 และเตรียมกำลังสำรองไว้ 4 กองร้อย และให้เตรียมพร้อมตลอด 24 ชม. หากมีการลักลอบข้ามประเทศมากขึ้นจะเน้นกองกำลังตามแนวชายแดน ทั้งกองกำลังผาเมือง กองกำลังสุรสีห์ รวมถึงการเพิ่มเติมเครื่องมือในการสกัดกั้น
“ผมคิดเองว่าคนบางกลุ่มในเมียนมาอาจจะมองว่าประเทศตัวเองมีการสู้รบไม่มีความสงบ แล้วจะมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจตามมา ก่อนลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทย หากมาก่อนก็มีสิทธิ์ หรือที่เรียกว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก วันนี้กองทัพบกมีการระดมสรรพกำลังทุกอย่างเพื่อทำการสกัดกั้น และได้เน้นย้ำไปกับแม่ทัพภาค ส่วนราชการ ประชาชนว่าประเทศเรากำลังจะดีขึ้น ขอให้เราทุกคนช่วยกันทุ่มเทสกัดกั้นให้ได้ ในส่วนของประเทศเมียนมาซึ่งมีปัญหาภายในก็เป็นเรื่องภายในประเทศของเขา แต่ในส่วนของคนไทยต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นสิ่งสำคัญ จึงจำเป็นที่จะต้องทุ่มทรัพยากรสกัดกั้นไม่ให้เกิดการลักลอบเข้าประเทศ เพราะกลุ่มคนพวกนี้เอาอะไรมาด้วยก็ไม่รู้ ทั้งโรคภัยไข้เจ็บ เหมือนกับที่เกิดขึ้นล่าสุดที่ ฉก.ทัพพระยาเสือ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีการตรวจพบผู้ลักลอบประมาณ 30-40 คนเดินทางทยอยเข้ามาการตรวจครั้งแรกไม่พบเชื้อโควิด แต่เมื่อผ่านไปอีกสักพักเจอผู้ติดเชื้อ 4 คน ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของเราก็ไม่รู้ตัว ทั้งหมดก็ต้องเข้าสู่การปรับตัวและต้องนำกำลังพลชุดใหม่เข้าไปทำหน้าที่แทน นี่คือความน่ากลัว เราทุกคนไม่อยากให้เกิดการระบาดระลอก 3 หรือรอบใหม่เหมือน จ.สมุทรสาครโมเดล ซึ่งมาจากกลุ่มคนที่เราควบคุมไม่ได้” ผบ.ทบ.กล่าว
เมื่อถามว่า มีแนวคิดตั้งศูนย์พักพิงรองรับผู้ลี้ภัยจากการสู้รบหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า สถานการณ์ยังไม่ถึงจุดนั้น จากการลงพื้นที่ยังไม่มีอะไรบ่งชี้ แต่เราแค่เตรียมพื้นที่ไว้สำหรับเหตุการเฉพาะหน้าเท่านั้น ถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อถามย้ำว่าประเมินว่าคนลี้ภัยมีไม่มาก หากเทียบกับกลุ่มที่ฉวยโอกาสอาศัยจังหวะนี้ลอบเข้าประเทศใช่หรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่าการลี้ภัยจากการสู้รบในเมียนมาในปัจจุบัน ไม่รุนแรงเท่าในอดีตใช่หรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า ไม่ทราบ
พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวถึงแนวทางการแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงว่า แนวทางการแจกจ่ายวัคซีนที่ผ่านมาซึ่งทางกรมแพทย์ทหารบกได้รายงานมาว่า การพิจารณาในการแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิดให้กับใครบ้างนั้นขึ้นอยู่กับทางจังหวัดเป็นผู้พิจารณา เพราะฉะนั้น ในส่วนของกองทัพบกได้สอบถามไปว่าใครได้รับวัคซีนบ้างในล็อตแรก ซึ่งทางกองทัพบกในล็อตแรกเราได้มาน้อย เพราะฉะนั้น การแบ่งก็จะน้อย ทางกองทัพบกจึงได้เน้นบุคลากรทางการแพทย์ ให้ชุดทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามด่านตรวจที่ติดอยู่กับพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร และกำลังพลที่มีโรคประจำตัว และได้แจ้งกับทางต้นสังกัดไว้ ทางกองทัพบกจะพิจารณาให้สามกลุ่มนี้เป็นลำดับแรก
พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวอีกว่า ในส่วนวัคซีนล็อตแรกที่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ได้มา 170 โดส ขณะนี้ฉีดไปแล้ว 113 โดส ในส่วนของกำลังพลที่อยู่ในกรุงเทพฯ จะได้รับวัคซีนมา 507 โดส จะไปเน้นที่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ใกล้พื้นที่ติดกับจังหวัดสมุทรสาคร เช่น การตั้งด่านตรวจคัดกรองบุคคลเป็นหลัก ซึ่งแพทย์ในโรงพยาบาลใน กทม.ที่สังกัดกองทัพบกยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
ในส่วนกองกำลังในพื้นที่ชายแดนที่จะได้รับวัคซีนเนื่องจากปฏิบิตหน้าที่ติดกับชายแดนเมียนมา ซึ่งมีความเสี่ยงสูงก็จะมีที่กองกำลังนเรศวร 130 โดส โดยฉีดครบหมดแล้ว ส่วนกำลังพลอีกบางส่วนที่ปฏิบัติงานตามแนวชายแดนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนยังคงต้องรอล็อตต่อไป อาทิ กองกำลังสุรสีห์ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งยังไม่ได้รับการแบ่งยอดเพราะสถานการณ์มีความเสี่ยงน้อย
“สำหรับกำลังพลที่ได้รับวัคซีนไปแล้วทั้งหมด ผมยังไม่ได้รับรายงานว่ามีเอฟเฟกต์ หรือแพ้วัคซีนแต่อย่างใด” ผบ.ทบ.กล่าว
เมื่อถามว่า ทางกองทัพบกมีนโยบายที่จัดหาวัคซีนให้แก่กำลังพลที่ยังไม่ได้รับวัคซีนหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า ตนก็มีแนวคิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ต้องดูทาง ศบค.เป็นหลัก โดยรัฐบาลได้ยืนยันว่าวัคซีนในล็อตที่ 2 ทุกคนจะได้ฉีดหมดตนก็อุ่นใจ นอกจากนี้ นอกจากกำลังพลแล้วตนมองไปถึงครอบครัวที่เป็นกำลังพลของกองทัพบก หรือคนที่ทำงานที่สวนสนประดิพัทธ์ซึ่งเป็นสวัสดิการเชิงธุรกิจ ที่ไม่ใช้เจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้เป็นข้าราชการที่เราจ้างมา คนส่วนนี้ก็ยังไม่มีใครตอบได้ว่ามีวัคซีนขอเอกชนรายใดที่เราสามารถซื้อได้เพราะจะฉีดให้กับคนกลุ่มนี้ด้วย เพื่อเป็นการเรียกความเชื่อมั่นในเรื่องการท่องเที่ยง และเศรษฐกิจ หรือที่สนามกอล์ฟกองทัพบกซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ไม่ใช่กำลังพลของกองทัพบก หากมีการจัดลำดับคนกลุ่มนี้อาจจะเป็นกลุ่มกลุ่มท้ายๆ ถึงจะได้รับการฉีดแต่สำหรับตนแล้วจะเป็นคนกลุ่มแรกเพราะเขามาดูแลกำลังพลที่มาออกกำลังกาย โดยเฉพาะสนามกอล์ฟกองทัพบกที่รามอินทรา ส่วนใหญ่จะเป็นเป็นผู้ใหญ่ที่เกษียณราชการแล้วมาออกกำลังกาย
เผยแพร่: 31 พ.ค. 256…
This website uses cookies.