สวัสดีปีใหม่ 2566 แด่ผู้อุปการคุณแนวหน้าทุกท่านขอให้ 2566 ปีเถาะ เป็นปีที่ดีที่สุดของทุกท่านตามตำราจีนที่บอกว่าปีเถาะ “ปีกระต่ายมหามงคล” คอลัมน์นี้ไม่มีความรู้เรื่องโหราศาสตร์แต่เชื่อตามสำนวนไทยว่า “กระต่ายหมายจันทร์”มันก็มีความสุขได้ หากว่ากันตามสถิติและคาดการณ์ทางเศรษฐกิจดังที่บริษัทศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า 2566 ปีกระต่ายถึงอย่างไรก็ดีกว่าปีเสือ และปีหนูผี ที่ผ่านมา แค่นี้ก็นับว่าเป็นปีมหามงคลแล้ว
บริษัท ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทย จำกัดเปิดเผยว่า แนวโน้มที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 2566 ซึ่งจะกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยูโรโซนมีแนวโน้มที่จะไม่เติบโต เป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบจากวิกฤตพลังงานในยุโรปด้วย
ในขณะที่แนวโน้มที่จีนจะเปิดประเทศในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2566 มีมากขึ้น แต่ก็ยังต้องติดตามสถานการณ์ในจีนหลังจากนี้ ทั้งจำนวนผู้ป่วย ผู้เสียชีวิต…เนื่องจากยังมีความเป็นไปได้ที่จีนจะเผชิญการแพร่ระบาดระลอกใหม่ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อเนื่องมายังกิจกรรมทางเศรษฐกิจจีน ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงมีมุมมอง
ที่ระมัดระวังต่อสถานการณ์การเปิดประเทศของจีนดังกล่าว โดยยังคงจำนวนนักท่องเที่ยวที่ 22 ล้านคน และการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ไว้ที่ร้อยละ 3.2
บ.ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทย ให้รายละเอียดถึงการวิเคราะห์เศรษฐกิจที่ผันผวนไปตามกระแสเศรษฐกิจโลกที่ซับซ้อนอีกมากมายซึ่งยากที่คนมีความรู้แค่หางอึ่งอย่างผู้เขียนจะเข้าใจได้ แต่ก็พอเข้าใจในประเด็นที่คาดการณ์ว่าปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยประมาณ 22 ล้านคน และ
ภาคบริการ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร สายการบิน และอื่นๆจะฟื้นตัว ส่วนภาคพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คอนโดมิเนียม บ้านจัดสรรยังฟื้นตัวยาก
แค่ภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ ก็นับว่าเป็นมงคลแล้ว เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เคยเป็นศูนย์ในปี 2563 และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาแค่หลักหมื่น เมื่อประเทศไทยเปิดโครงการ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ วันที่ 1 ตุลาคม 2564 โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเข้ามาเที่ยวเกาะภูเก็ตจากหลักพันเป็นหลักหมื่นคน ต่อมาเมื่อโครงการแซนด์บ็อกซ์ขยายตัวออกไปในพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อาทิ เกาะสมุย กรุงเทพฯ เชียงใหม่ สงขลา ฯลฯ และข้อกำหนดป้องกันโควิด-19 ค่อยๆ ผ่อนคลายนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากหลักหมื่นหลักแสนและเป็นหลักล้านคน
ปีแพะผ่านไปปีเสือต่อมา ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม 2565 นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยประมาณ 11 ล้านคน กิจการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านค้า รถโดยสาร สายการบินเริ่มลืมตาอ้าปากได้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประมาณการว่ามีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 5.6 แสนล้านบาท ดังนั้น เมื่อบ.ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทยคาดการณ์ว่า ปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยประมาณ 22 ล้านคน และจะมีรายได้จากท่องเที่ยวประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท จึงเรียกได้ว่าปีนี้เป็นปีกระต่ายมงคลอย่างแท้จริง คนไทยพอจะมีความสุขได้เหมือนกระต่ายหมายจันทร์
อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเพียงมุมมองจากภาคการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ยังไม่ได้กล่าวถึงภาคอุตสาหกรรม การผลิต การส่งออกสินค้า ภาคเกษตรกรรมและอื่นๆ และที่มองข้ามไปไม่ได้คือกระแสเงินหมุนเวียนทางการเมือง ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่ามหาศาล เพราะปี 2566 เป็นปีแห่งการเลือกตั้ง
การเลือกตั้งทุกครั้งในประเทศไทยที่ขาดไม่ได้ คือ มีนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ ใช้โอกาสเทศกาลเลือกตั้งนำเงินสีเทา หรือ เงินที่ได้มาไม่โปร่งใส แต่กฎหมายเอาผิดไม่ได้ออกมาใช้ซื้อเสียงเข้าสภา เช่นเดียวกับการเลือกตั้งปี 2544 ที่มีนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ใช้เงินที่ได้มาอย่างไม่โปร่งใสประมาณ 5,000 ล้านบาท จากการลดค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 2 ก.ค.2540 มาใช้ซื้อนักการเมืองแบบเหมายกเข่งเซ้งยกพรรค จนชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ได้เป็นรัฐบาลบริหารประเทศ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะสส.พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นฝ่ายค้านยุคนั้นอภิปรายในสภาว่า มีคนหน้าตาละม้ายคล้ายนายทักษิณ ชินวัตร รู้ข้อมูลภายในว่ารัฐบาลที่นายทักษิณ เป็นรัฐมนตรีอยู่ด้วยจะประกาศลดค่าเงินบาทในวันที่ 2 ก.ค.2540 คนที่หน้าตาละม้ายคล้ายนายทักษิณก็ไปซื้อหรือตุนเงินดอลลาร์ไว้ล่วงหน้า เมื่อรัฐบาลประกาศลดค่าเงินบาทนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์คนนั้นได้กำไรไปประมาณ 5,000 ล้านบาท นักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์รวยขึ้นทันตาในขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ขาดทุนกันย่อยยับวอดวาย บางบริษัทล้มละลายซีอีโอบางคนฆ่าตัวตาย
จากเงินที่ได้มาไม่โปรงใสแต่ไม่ผิดกฎหมายใช้ซื้อเสียงเป็นรัฐบาลได้ เมื่อเป็นรัฐบาลจากการซื้อเสียงซื้อนักการเมือง คนที่สังคมคิดว่า “รวยแล้วไม่โกง” กลับต่อยอดความมั่งคั่งโดยการทุจริตทางนโยบาย ออกกฎหมายแปลงสัมปทานดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิต เป็นเหตุให้ผู้ถือสัมปทานดาวเทียมมีรายได้เพิ่มขึ้นมากมายแต่รัฐเสียหายกว่า 60,000 ล้านบาท นอกจากนั้น นักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์เหลิงอำนาจสมคบกันแปลงที่ธรณีสงฆ์เป็นสนามกอล์ฟ แปลงทีวีสาธารณะ ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐปีละสองพันล้านบาทเป็นทีวีของบริษัทนายกรัฐมนตรี ทีวีสาธารณะ กลายเป็นกระบอกเสียงของพรรคการเมืองและบริษัทครอบครัวของนายกฯแถมยังมีเงินเหลือสร้างคอกเลี้ยงหมาไว้ห้าสิบตัว
พูดง่ายๆ คือ เงินที่ได้ไม่โปร่งใสซื้ออำนาจเข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศได้ เพราะผู้มีสิทธิออกเสียงจำนวนมากมักง่ายเห็นแก่ได้ยอมขายสิทธิขายเสียงขายวิญญาณประชาธิปไตย เป็นเหตุให้นักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์พาลเข้าใจว่าประเทศไทยเป็นบริษัทส่วนตัว
นายชวน หลีกภัย นักการเมืองสัตย์ซื่อ มือสะอาดถึงกับเตือนว่า “ถ้าคิดว่าประเทศไทยเป็นบริษัทส่วนตัวของใคร สักวันคนนั้นจะไม่มีแผ่นดินอยู่” บาปกรรมที่สร้างความร่ำรวยขึ้นมาจากความทุกข์ยากของคนไทย และเวรกรรมที่สมคบกันซื้อขายที่ธรณีสงฆ์ เป็นผลให้กลายเป็นสัมภเวสีหนีคุกจนทุกวันนี้
การเลือกตั้งปี 2544 เป็นฉันใดการเลือกตั้ง ที่จะมีขึ้นในปีนี้ก็มีท่าทีเป็นฉันนั้น นักวิเคราะห์การเมืองคาดการณ์ว่าในเทศกาลเลือกตั้งปี 2566 จะมีนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์บางกลุ่ม บางพรรคใช้เงินสีเทาที่ได้มาไม่โปร่งใสแต่กฎหมายเอื้อมมือไปไม่ถึงมาใช้ซื้อเสียงกันเป็นหมื่นๆ ล้านบาท และจะมีการแข่งกันซื้อเสียงซื้อนักเลือกตั้งในหมู่นักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ที่ความสัมพันธ์กับนักธุรกิจสีเทาชาวจีน รวมทั้งนักธุรกิจสีเทาคนไทยตลอดถึงนักธุรกิจสีเทาฝรั่ง
เงินสดที่ได้มาไม่โปร่งใส และซุกซ่อนไว้จะถูกขุดถูกงัดออกมาใช้ในทางการเมือง เงินสดที่หายไปจากตลาด จะถูกนำออกมาจากตู้เซฟลับ และอาจเป็นไปได้ว่าเงินสีเทาจะถูกขุดขึ้นจากหีบเหล็กหรือแม้แต่ใส่ตุ่มใส่ไหที่ฝังไว้ใต้ดิน
จากการเปิดโปงของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และสื่อสืบสวนสอบสวน บ่งชี้ว่าขาใหญ่ในพรรคการเมืองบางพรรค และนักการเมืองหลายคนเข้าไปมีส่วนพัวพันกับธุรกิจสีเทาของนายตู้ห่าว ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บ้านจัดสรรคอนโดมิเนียม ธุรกิจโรงแรม คลับบาร์หลายแห่งเป็นแหล่งฟอกเงินจากการค้ายาเสพติดและการพนันผิดกฎหมาย
นักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ที่พัวพันกับธุรกิจสีเทาเหล่านั้นจำเป็นต้องนำเงินสดที่ซุกซ่อนไว้มาใช้ซื้อเสียง ซื้อนักการเมืองให้มาอยู่กับพรรคให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อรักษาสถานะเอาไว้ และหวังไกลไปถึงได้กุมอำนาจรัฐ
การฟอกเงินในประเทศไทยทำได้ง่ายในวงการเมืองเพราะการซื้อเสียงทั้งผู้ซื้อและผู้ขายล้วนพร้อมใจกันปิดบังที่มาของเงิน ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งหน้าคาดว่า จะมีเงินสีเทาหลายหมื่นล้านบาทออกมาหมุนเวียนในตลาดการค้าการขาย หลายคนอาจจะแปลกใจว่าจู่ๆเงินสดมันโผล่จากไหนใช้จ่ายกันเป็นหมื่นๆ ล้านบาท และคาดการณ์กันว่าจะมีเงินสดหมุนเวียนมากกว่าการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562
จึงพูดได้ว่าปีกระต่ายรอบนี้เป็นปีที่มีเงินสดไปถึงมือชาวบ้านมากกว่าสี่ปีที่ผ่านมาหลายเท่าเพราะเป็นโอกาสดีที่นำเงินสีเทาซึ่งซ่อนไว้มาฟอกให้เป็นคะแนนเข้าสภา ขอย้ำว่า ไม่ใช่พรรคการเมืองทุกพรรคหรือนักการเมืองทุกคน ที่ใช้เงินสีเทาซื้อเสียงเข้าสภา แต่ก็พูดได้เต็มปากว่ามีนักการเมืองจำนวนมากใช้เงินสีเทาจากธุรกิจผิดกฎหมายซื้อเสียงเข้าสภาในการเลือกตั้งที่จะมาถึง
สรุปว่าปี 2566 กระต่ายป่าจะทำให้เงินสดถึงมือชาวบ้านหลายหมื่นล้านบาท ทั้งเงินที่ได้จากทำธุรกิจถูกต้องตามกฎหมายและเงินสีเทาจากนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ ตกไปถึงมือชาวบ้านทั่วไปโดยไม่ต้องลงทุนไม่ต้องทำงาน เพียงขายสิทธิขายเสียงก็เลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้หลายมื้อ
สุทิน วรรณบวร
เผยแพร่: 31 พ.ค. 256…
This website uses cookies.