ขายสมบัติ “เจ้าคุณปู่”? – ไทยรัฐ

คึกคักตามยุทธศาสตร์คิกออฟ “วาระแห่งชาติ” กับฉากโหมโรง เปิดจุดฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วประเทศไทย โดย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข นำทีมหางเครื่องชุดใหญ่ เดินสายตรวจจุดบริการฉีดวัคซีน ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ณ สถานีกลางบางซื่อ กรุงเทพฯ

พร้อมสั่งการผ่านระบบ Video Conference ไปยังจุดฉีดวัคซีนต่างจังหวัดทั่วประเทศ

ผลเชิงจิตวิทยา ภาพข่าวการปูพรมฉีดวัคซีน “วาระแห่งชาติ” กระตุกตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดดีดขึ้นกว่า 10 จุดทันที ขานรับข่าวดีคนไทยฉีดวัคซีนในวงกว้างมากขึ้น

สะท้อนวัคซีนคือความหวังเดียวในการฟื้นจากไข้โควิด

และวันเดียวกันเลยกับที่ประเทศไทยกดปุ่มสตาร์ตวาระแห่งชาติ “วัคซีนเข็มแรก” ทั่วประเทศ อีกด้านสำนักข่าวสารประเทศลาว รายงานกระทรวงสาธารณสุข สปป.ลาว แจ้งให้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ไปแล้ว ให้มาฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 สำหรับผู้ฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มเข็มแรก ครบ 3-4 สัปดาห์ และผู้ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มแรก ครบ 8-12 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มิถุยายน เป็นต้นไป

สปป.ลาว ก้าวไวกว่าประเทศไทย ได้ฉีดวัคซีนเข็ม 2 แล้ว

ตามแนวโน้มสถานการณ์ วัคซีน “เข็ม 2” ของประชาชนคนไทยยังต้องลุ้นกันแบบวันต่อวัน เดือนต่อเดือน ตามอารมณ์แบบที่นายอนุทินขึ้นเสียงเขียว ตอบคำถามสื่อมวลชน เมื่อโดนนักข่าวไล่เค้นคอให้ยืนยันว่าในเดือนมิถุนายนจะมีวัคซีน 6 ล้านโดสฉีดให้ประชาชนตามที่ประกาศไว้

ฟังกระทรวงสาธารณสุข ไม่ต้องไปฟังโรงพยาบาล

ใครนัดได้วันไหน ก็มีวัคซีนฉีดวันนั้น การันตีไม่มี “โรคเลื่อน” แบบที่สังคมสับสน เพราะหลายโรงพยาบาลบอกเลื่อนนัดฉีดวัคซีนวันที่ 8 มิถุนายนออกไป เพราะได้รับวัคซีนไม่กี่พันโดส

“เสี่ยหนู” กลับมาเสียงแข็ง มั่นใจ ซึ่งนั่นก็น่าจะโยงกับการที่เจ้าตัวเพิ่งประกาศดีลสำคัญ ช่วงระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน 2564 องค์การเภสัชกรรมจะนำเข้าวัคซีนซิโนแวคเพิ่มจำนวน 11 ล้านโดส โดยทยอยส่งเข้ามาอย่างต่อเนื่องเดือนละประมาณ 2.5–3 ล้านโดส

“ซิโนแวค” เป็นม้าขาว แทน “ม้าเต็ง” แอสตราเซเนกา

ตามข่าววงใน ไม่ใช่แค่ 11 ล้านโดส แต่มีถึง 21 ล้านโดส ตัวเลขที่นักการเมืองใหญ่ อดีตรัฐมนตรีซึ่งสนิทกับรัฐบาลและเอกชนจีนไปดีลกับบริษัทซิโนแวค นำเสนอขายให้รัฐบาลไทย ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563

แต่ติดด่าน “ค่าผ่านทาง” เอาเข้ามาไม่ได้

แล้วก็เป็น พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต่อสายด่วนจากสนามกอล์ฟ ไปหาประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ของจีน ขอไฟเขียววัคซีนซิโนแวค 1 ล้านโดส มา “กู้หน้า” จาก “ม้าเต็ง” แอสตราเซเนกามาช้า ไม่ทันกำหนด

โดยมีเอกชนยักษ์ใหญ่จ่ายเงินสดซื้อให้ก่อน เพราะรัฐบาลไทยไม่มีนโยบายจ่ายเงินก่อนได้ของ แบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงฝ่ายค้านในสภา ประเด็นรัฐบาลไม่จองโคแวกซ์ โครงการกระจายวัคซีนโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลกสำหรับประเทศยากจน

ด้วยเหตุผลเพราะต้องจ่ายเงินล่วงหน้า เลือกยี่ห้อไม่ได้

และก็เหมือนผีผลัก จังหวะนายกฯไทยพูดไม่ทันขาดคำ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา ก็เปิดแผนแบ่งปันวัคซีนลอตแรกๆจากทั้งหมด 80 ล้านโดสที่จะแจกจ่ายไปทั่วโลกก่อนเดือนกรกฎาคม โดยในนั้น 75 เปอร์เซ็นต์จะเป็นการป้อนสู่โครงการโคแวกซ์

โดยมีประเทศไทยอยู่ในบัญชีได้อานิสงส์วัคซีนบริจาคจิ๊บๆ

ประชาชนคนไทยดีใจได้วัคซีนฟรี แต่ผู้นำรัฐบาลใจแป้ว เพราะมันตอกย้ำการตัดสินใจผิดพลาด ผลจากการแทงม้าเต็งผิดตัวซ้ำอีก ไม่ยอมเข้าร่วมโคแวกซ์เพราะแค่ไม่ยอมจ่ายเงินล่วงหน้า

แต่ทีงบประมาณจ่ายซื้ออาวุธจัดหนักกันแบบไม่มีอั้น

ผลจากพลาดแทง “ม้าเต็ง” ต้องเปลี่ยนพึ่ง “ม้าแทน” ท่ามกลางความคลางแคลงใจของสังคม ไม่เข้าใจรัฐบาลทหารเฒ่าทุ่มให้ความมั่นคงของกองทัพ สำคัญกว่าชีวิตประชาชนคนไทย

ที่แน่ๆเดิมพันวัคซีน ไม่ใช่แค่คึกคักแค่วันคิกออฟ ยังต้องลุ้นกันวันต่อวัน เดือนต่อเดือน ตามเดดไลน์ที่ผู้นำประกาศ สิ้นปีต้องฉีดให้ได้ 70 เปอร์เซ็นต์ของพลเมือง 65 ล้านคน

ขณะที่โจทย์ใหญ่การฟื้นเศรษฐกิจ กู้จนติดทะลุเพดาน

ล่าสุดแว่วๆข้อเสนอจากวงประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน ได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักภาพสู่ประเทศไทย

จูงใจมหาเศรษฐีต่างด้าวซื้อที่ดินในเมืองไทย ให้สิทธิถือครองยาวต่อทอดถึงลูกหลาน

สถานการณ์ถึงจุด ต้องขายสมบัติเจ้าคุณปู่กินกันแล้ว

แนวโน้มมหาเศรษฐีรอช้อนกำไรจากราคาที่ดิน แต่ในมุมของคนรากหญ้าไปถึงชนชั้นกลาง อนาคตลูกหลานไทยจะไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง เพราะโดนทุนต่างชาติฮุบที่ดินไว้หมด

เหมือนทุเรียนที่โดนคนจีนแย่งเหมาซื้อ คนไทยจนๆไม่มีโอกาสกินเพราะแพง เทียบกันง่ายๆแนวคิดขายที่ดินเจ้าคุณปู่ให้ต่างชาติครองเมือง ส่อเจอแรงต้าน เผลอๆจะเป็นชนวนไฟโหมซ้ำรัฐบาล

ขบวนการเด็กรุ่นใหม่ดาหน้าขวางลำแน่.

ทีมข่าวการเมือง