กฟผ. เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้าน EV จับมือพันธมิตรขยายสถานีชาร์จไฟฟ้า 48 แห่งภายในปีนี้ รองรับการเติบโตของรถยนต์ EV ที่คาดว่าจะทะลุ 1 ล้านคันในอีก 10 ปีข้างหน้า
นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ. พร้อมสร้างการเปลี่ยนผ่านให้แก่ภาคพลังงานและคมนาคมขนส่ง ในฐานะของผู้ให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าที่สำคัญ นับเป็นโอกาสอันดีที่ กฟผ. จะได้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความสุขให้แก่คนไทยมากขึ้น ด้วยธุรกิจใหม่ของ กฟผ. “EGAT EV Business Solutions”
สำหรับธุรกิจนี้ กฟผ. ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้าน EV เพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าให้ผู้ใช้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดย กฟผ. จะเป็นผู้ช่วยและเป็นผู้เชื่อมโยงธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตการเดินทางในอนาคตและร่วมสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
ทั้ง 4 ผลิตภัณฑ์และบริการ ภายใต้ธุรกิจ “EGAT EV Business Solutions” ประกอบด้วย
4 ระบบบริหารจัดการเครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้า หรือ Backend EGAT Network Operator Platform (BackEN) ที่จะเชื่อมโยงระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด ทั้งระบบผลิตและส่งไฟฟ้า สถานีอัดประจุไฟฟ้า ยานยนต์ไฟฟ้า และผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยให้การบริหารจัดการในภาพรวมเกิดประสิทธิภาพสูงสุด มีเสถียรภาพ และมั่นคง ด้วยระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ได้มาตรฐานและระบบวิเคราะห์ทางเทคนิคที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชม.
ล่าสุด กฟผ. ร่วมมือกับพันธมิตร 6 บริษัทรถยนต์ ได้แก่ Audi, BMW, Mercedes–Benz, MG, Nissan และ Porsche เพื่อให้ความร่วมมือกันในด้านสถานีอัดประจุไฟฟ้า Application เชื่อมโยงข้อมูลและการส่งเสริมการขาย
“กฟผ. ได้หารือร่วมกับบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้ามาจำหน่ายในไทย เพื่อกำหนดพื้นที่เป้าหมายในการตั้งสถานีชาร์จ EV ให้สอดคล้องกับแผนการตลาด ซึ่งพบว่านอกจากพื้นที่ กทม. แล้ว ในจังหวัดสำคัญที่จะขยายออกไปจะอยู่ใน จ.เชียงใหม่ และจ.ภูเก็ต ดังนั้นจึงได้เร่งขยายสถานี EV ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด”
โดย กฟผ. ยังพร้อมเปิดรับพันธมิตรจากทุกภาคส่วนที่ต้องการพัฒนาธุรกิจ เพื่อร่วมกันสร้างการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยเชิญผู้ที่สนใจเข้าชมข้อมูลธุรกิจได้ที่ www.elexaev.com
ทั้งนี้ ในอนาคตอันใกล้ปริมาณการใช้รถยนต์ EV จะสูงขึ้นมาก ซึ่ง บลูมเบิร์ก ได้ประเมินว่าในอีก 4 ปี ข้างหน้า หรือ ในปี 2568 ราคารถยนต์ EV จะใกล้เคียงกับราคารถยนต์สันดาปทั่วไป เพราะราคาแบตเตอรี่ลดลงมาก จะทำให้ยอดการใช้รถยนต์ EV จะขยายตัวอย่างก้าวกระโดด และคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะมีการใช้รถยนต์ EV 7 แสน ถึง 1 ล้านคัน ดังนั้นจึงต้องเร่งวางโครงสร้างพื้นฐานด้านสถานีอัดประจุไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการ
เผยแพร่: 31 พ.ค. 256…
This website uses cookies.